ย่อ / ขยาย

Big Brother Season 9 Financial class ครั้งที่ 4

วันที่ 26 กันยายน 2568 หอการค้าไทยร่วมกับพี่เลี้ยงสถาบันการเงิน จัดกิจกรรม Financial Class ครั้งที่ 4 สำหรับ Big Brother season 9 ณ อาคาร 24 ชั้น 18 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีบริษัทน้องให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 60 ท่าน โดยมีพี่เลี้ยงสถาบันการเงินมาบรรยายและร่วมออกบูท ประกอบด้วย SME D Bank  ,Exim Bank ,SCB ,บมจ.เมืองไทยประกันภัย และบมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งประเด็นที่ถ่ายทอดให้กับบริษัทน้องในวันนี้ ประกอบด้วย

        มาตรการภาครัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจรุ่งให้ SMEs โดย คุณพรชัย จิรโสภณ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวถึงมาตรการมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจรุ่งให้ SMEs โดยมีเป้าหมายช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจให้เดินต่อไปได้ ภายใต้มาตรการนี้ ประกอบด้วยโครงการ ดังนี้ 
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน

  • ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม
  • ด้านการท่องเที่ยวผ่านโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”
  • ด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัลผ่านมาตรการ Soft Loan จากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ
  • โครงการค้ำ ประกันสินเชื่อ บสย. SMEs ยั่งยืน:วงเงินค้ำ ประกัน 5,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มเปราะบาง SMEs รายย่อย และผู้ส่งออก

นโยบายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” วงเงิน 25,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และลดภาระค่าครองชีพของประชาชน แบ่งกลุ่มสิทธิออกเป็น 2 กลุ่ม:

  1. กลุ่มผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: รัฐช่วยจ่าย 60% ประชาชนจ่าย 40%
  2. ประชาชนทั่วไป / ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ: ใช้อัตรา 50:50 มีการพิจารณาเพิ่มเติม “top up” ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้สิทธิไม่ต่ำกว่าประชาชนทั่วไป

โครงการ “การลดภาระค่าครองชีพ” เพื่อช่วยลดรายจ่ายในชีวิตวิประจำวันของประชาชน ได้แก่ ลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่าหน่วยละ 3.94 บาท ลดค่ารถไฟฟ้า ลดค่าทางด่วน

มาตรการSoft Loan จากธนาคารเฉพาะจของรัฐ3 โครงการ งบประมาณ 1,350 านบาท -Transformation SME เพื่อเป็นเงินทุนในการปรับปรุงหรือพัฒนากิจการให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำ เนินธุรกิจให้ทันสมัย มีการนำ เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม (Sustainable & Green,Digital และ Innovation) วงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.0 ต่อปี

  • Enhancement SME เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถสร้างการเติบโตสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของSME ในทุกมิติ วงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.0 ต่อปี
  • ผู้ประกอบการSME กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมสภาพคล่องของกิจการให้มีการหมุนเวียนทางธุรกิจท่องเที่ยว วงเงินงบประมาณ 350 ล้านบาท วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 2.0 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.0 ต่อปี

        PDPA และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดย  คุณสิงหพล พลสิงห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย บมจ. เมืองไทยประกันภัย ปัจจุบันเราต้องตระหนักถึงความสำคัญของ PDPA” หรือ “พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ย่อมาจาก Personal Data Protection Act เขียนขึ้นเพื่อให้บริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐที่ถือครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งในกฎหมายมีฐานะเป็น Data Controller  ต้องปกป้องข้อมูลไม่ให้ถูกละเมิด ที่สำคัญต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ก่อนการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ดังนั้น สิ่งที่บริษัท ต้องปรับตัวแน่ๆ คือ ต้องเพิ่มนโยบายดูแลข้อมูลลูกค้า, ต้องมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในบริษัท (DPO), แจ้งให้ลูกค้าทราบเรื่องการนำข้อมูลไปใช้ และขอความยินยอม ทำได้ทั้งรูปแบบเอกสาร, แจ้งเตือนออนไลน์, ระบบคุกกี้ ฯลฯ ตรงการขอความยินยอมนี้ บริษัทควรจะทำให้อ่านง่ายด้วย ไม่ใช่ตัวเล็กอ่านยาก และยาวเป็นพรืด และต้องไม่บังคับให้เรากดยินยอม ลูกค้าต้องมีอิสระที่จะยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ได้ ส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก

        ข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้ PDPA กว้างขวางมาก หลักๆ คือ เป็นข้อมูลที่ระบุตัวเราได้ ตั้งแต่ชื่อ นามสกุล เบอร์โทร อีเมล ที่อยู่ ข้อมูลทางกายภาพ รูปร่างส่วนสูง ไปจนถึงข้อมูลตัวตนของเราบนออนไลน์ อย่าง Username/password,  Cookies IP address, GPS Location แม้แต่ข้อมูลเซนซิทีฟ อย่าง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดทางการเมือง ความเชื่อ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ก็ได้รับการปกป้องด้วย ในฐานะเจ้าของข้อมูล หรือ Data Subject ก็จะมีสิทธิ์มีเสียงในข้อมูลของเรามากขึ้น ภายใต้กฎ PDPA เรามีสิทธิ์รู้ว่าข้อมูลที่ถูกเก็บไป มีอะไรบ้าง แชร์ให้ใคร เอาไปทำอะไร, เราขอสำเนาข้อมูลของตัวเองได้, เราขอโอนข้อมูลตัวเองให้บริษัทอื่นได้ นอกจากนี้ เรายังขอหยุดการใช้ข้อมูล และขอลบเมื่อไรก็ได้

        สำหรับบริษัท นิติบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย PDPA จะต้องรับโทษตั้งแต่โทษทางแพ่ง ทางปกครอง ทางอาญา ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหาย ปรับตั้งแต่ 5 แสนบาท – 5 ล้านบาท และถ้าเกิดความเสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย จำคุกไม่เกิน 6 เดือน

        ปักหมุดตลาดส่งออกอย่างมืออาชีพ โดย  คุณมูฮำหมัดกัฟดาฟี มะทา ผู้จัดการส่วนพัฒนาหลักสูตรความรู้เฉพาะทาง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บรรยายพิเศษเรื่อง การขายสินค้าหรือบริการในประเทศไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อเป็นการสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ หรือเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในตลาดนั้นๆ โดยการส่งออกนั้นจะต้องผ่านหน่วยงานกรมศุลกากร และอยู่ในข้อกำหนดของการนำเข้าและส่งออกของประเทศนั้นๆ ด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจส่งออก ต้องวางแผนในการทำธุรกิจส่งออก ดังนี้

  • หาเป้าหมายหลัก ทำธุรกิจส่งออกต้องหาเป้าหมายหลักให้ได้เสียก่อน การหาเป้าหมายหลักนั้นเริ่มต้นจากการดูว่าสินค้าของตัวเองนั้นเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายใด สังเกตได้จากพฤติกรรมการซื้อของคนในประเทศนั้นๆ ว่ามีแนวโน้มอย่างไรบ้าง แล้วนำข้อมูลที่ได้นั้นมาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากที่สุด 
  • หาจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ สำหรับธุรกิจส่งออกนั้น การหาจุดเด่นของสินค้ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจุดเด่นจะสร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ให้กับสินค้า ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นได้
  • รู้จักตลาดและสำรวจคู่แข่ง การสำรวจคู่แข่งในธุรกิจส่งออกนั้น จะช่วยให้ทราบถึงลักษณะสินค้าและบริการที่คู่แข่งนำเสนออยู่ในตลาด รวมไปถึงราคา จุดเด่น และกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ เมื่อเข้าใจคู่แข่งอย่างละเอียดแล้วก็จะสามารถพัฒนาสินค้าและบริการของตัวเองให้มีความแตกต่างและเพิ่มคุณค่าให้มากขึ้นได้
  • เจรจาเพื่อต่อรองราคาเป็น ในธุรกิจส่งออกนั้น การเจรจาต่อรองราคาก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะเป้าหมายของการเจรจาต่อรอง คือ เพื่อค้นหาวิธีการที่สอดคล้องกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ถ้าผู้ประกอบการรู้จักการต่อรองราคา มีความยืดหยุ่นในราคาสินค้าและจำนวนการสั่งซื้อ พร้อมทั้งสรรหาและพัฒนาระบบขนส่งในพื้นที่ ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มความรวดเร็ว และสร้างความไว้วางใจได้
  • รู้จักบริหารเงิน เงินเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจที่ต้องจัดการบริหารให้ดี เพราะมีผลต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืน การบริหารเงินในธุรกิจส่งออกนั้นสามารถเริ่มต้นได้จากการวางแผนการเงิน เช่น กำหนดเป้าหมายการเงิน คำนวณต้นทุน และประเมินความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงศึกษาวิธีที่จะทำให้ต้นทุนลดต่ำลง เช่น นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ นโยบายเรื่องภาษี เป็นต้น นอกจากนั้นควรมีตัวช่วยในการบริหารจัดการเงินที่ดี และเพิ่มความคล่องตัวในธุรกิจได้

        PR-EVENT-SPONSORSHIP MANAGMENT โดย คุณสุธา เขียวสะอาด ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารกิจกรรมองค์กร บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวคือ PR เป็นกลยุทธ์การสื่อสารที่มุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ stakeholders  ซึ่งการทำ PR (Public Relations) คือกระบวนการหรือกิจกรรมที่มุ่งเสนอข้อมูลหรือข่าวสารเชิงบวกเกี่ยวกับองค์กร สินค้า บริการ หรือบุคคลในองค์กรโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจ ความรู้สึก และความไว้วางใจจากประชาสัมพันธ์ หรือกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่ต้องเป็นการโฆษณาโดยตรง แต่เน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและการสื่อสารที่เชื่อถือได้ในสื่อมวลชน การทำ PR สามารถทำได้ผ่านหลายช่องทาง เช่นการเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อมวลชน การจัดงานสัมมนา การเขียนบทความในสื่อต่างๆ หรือการให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เป็นต้น


        นอกจากนี้ การทำ PR ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นหรือปัญหาที่องค์กรต้องการสื่อสารหรือแก้ไขด้วยวิธีการที่เหมาะสมในทางองค์กรและทางสังคม ในสังคมวิชาการ การทำ PR ถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในองค์กรหรือสิ่งของในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ PR จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร สินค้า บริการ หรือบุคคล และเพิ่มความรู้สึกที่ดีและความไว้วางใจจากสังคมและประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้ประกอบการหรือที่มาของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
เทคนิคการทำ PR เพิ่มภาพลักษณ์ให้แบรนด์

1. กำหนดเป้าหมาย

  • กำหนดว่าต้องการสร้างภาพลักษณ์แบบไหน
  • กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง

2. เลือกช่องทางการสื่อสาร

  • เลือกช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
  • เลือกช่องทางที่เหมาะกับประเภทของเนื้อหา
  • การเลือกช่องทางการสื่อสารเพื่อการทำ PR ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของช่องทางทั้งในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาของข้อมูลด้วย ดังนั้นขั้นตอนการเลือกช่องทางการสื่อสารสำหรับการทำ PR 

3. สร้าง Content ที่น่าสนใจ

  • Content นั้นต้องตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
  • Content นั้นต้องสื่อสาร Brand Message ได้อย่างชัดเจน
  • Content นั้นต้องน่าเชื่อถือ

4. สร้างความสัมพันธ์กับสื่อ

  • สื่อสารกับสื่ออย่างสม่ำเสมอ
  • เสนอเนื้อหาที่น่าสนใจ
  • สนับสนุนงานของสื่อ สร้างความสัมพันธ์กับสื่อ (Media Relations) เป็นขั้นตอนสำคัญในกิจกรรม PR เพื่อให้สื่อมวลชนเข้าใจและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรหรือสินค้าบริการของคุณอย่างเหมาะสม 

5. ร่วมกิจกรรม CSR

  • ร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
  • สนับสนุนโครงการพัฒนาต่างๆ
  • บริจาคเงินหรือสิ่งของ
  • การร่วมกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) เป็นกิจกรรมที่สำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในสังคม โดยให้ความสำคัญกับการทำงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 

        โดยสรุปแล้วการทำPR อาศัยศาสตร์และศิลป์ ของการประสานงาน ทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อต่าง ๆ หรือการวางแผนการดำเนินการด้านการสื่อสาร หรือรวมทั้งการกำหนดเป้าหมายของการประชาสัมพันธ์แต่ละครั้ง ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อวางแผนและดำเนินการประชาสัมพันธ์กับแบรนด์ของท่านได้ เพราะเราเป็นที่ปรึกษาการตลาด จัดอีเว้นท์ และที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ

        เสริมเกราะป้องกันธุรกิจ ด้วยการบริหารความเสี่ยง FX อย่างเป็นระบบ โดยคุณสรัญญา พฤฒิธรรมกูลDepartment Head ส่วนขายผลิตภัณฑ์ตลาดการเงินธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)  กล่าวคือ การบริหารความเสี่ยง FX คืออะไร คือการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX) เกี่ยวข้องกับการระบุ วิเคราะห์ และบรรเทาความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลก โดยทั่วไป บริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกรรมระหว่างประเทศมักมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินต่างๆ อาจผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ และค่าใช้จ่าย
“SCB FM มองว่ามีความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกปรับ Rating ลงในอนาคต แต่อาจไม่กระทบตลาดเงินนักเนื่องจากประเด็นปัญหาเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมานาน และ Rating ของไทยยังอยู่สูงกว่า non-investment grade อยู่อีก 3notches ทั้งนี้ FED ลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2025 ตามตลาดคาดการณ์ โดยให้น้ำหนักกับการเติบโตของแรงงานที่อ่อนแอลง ”

        ทำไมธุรกิจต้องบริหารความเสี่ยงFX เพราะเป็นการป้องกันความสูญเสียความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้และกำไรของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ เป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขัน ช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดราคาได้แน่นอน ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของค่าเงิน ทำให้รักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการบริหารความเสี่ยง FX 

  1. การประเมินและระบุความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพเริ่มต้นด้วยการประเมินและระบุแหล่งที่มาของความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งรวมถึงการประเมินความเสี่ยงจากธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศที่เฉพาะเจาะจง ความเสี่ยงจากการแปลงค่าจากการรวมงบการเงินของบริษัทสาขาในต่างประเทศ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ
  2. กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรเทาความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสร้างความมั่นคงทางการเงิน บริษัทต่างๆ สามารถใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมในอนาคต ขจัดความไม่แน่นอนและรักษาผลกำไร ออปชันให้ความยืดหยุ่นโดยอนุญาตให้แลกเปลี่ยนสกุลเงินตามอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ไม่มีข้อผูกมัด สวอปช่วยจัดการความเสี่ยงระยะยาวและส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยโดยการแลกเปลี่ยนกระแสเงินตราต่างประเทศ ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นำเสนอโซลูชันมาตรฐานเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
  3. การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX) อย่างมีประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์บริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนขั้นสูงช่วยให้สามารถติดตาม วิเคราะห์ และรายงานความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยเสริมความสามารถในการตัดสินใจ การใช้โซลูชันการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ มองเห็นสถานะ FX ของตนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มั่นใจได้ถึงการจัดการข้อมูลที่แม่นยำ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงโดยรวม
  4. การควบคุมภายในและนโยบายที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ แนวทางการบริหารเงินแบบรวมศูนย์ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสอดคล้องและการควบคุมทั่วทั้งองค์กร นโยบายและขั้นตอนที่ชัดเจนควรระบุกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง กระบวนการอนุมัติ และขีดจำกัดความเสี่ยง การติดตามและรายงานความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและสถานะการป้องกันความเสี่ยงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าความเสี่ยงได้รับการจัดการเชิงรุกและมีการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น

        Class ในวันนี้ทำให้บริษัทน้องได้เห็นความสำคัญของทำไม PDPA ถึงสำคัญกับธุรกิจ พร้อมทั้งเข้าใจและเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาครัฐได้มากขึ้น และมีการบริกหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ การ สำหรับFinancial Classครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของSeasonนี้ ถือได้ว่าครบทุกเรื่องการเงิน และพาบริษัทน้องมีความความยั่งยืนและมีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาวต่อไป สร้างความประทับใจให้กับบริษัทน้องBig Brother เป็นอย่างมาก