ย่อ / ขยาย

Big Brother 9 Business Academy and On-site Visit at บุญรอดฯ

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 หอการค้าไทย จัดกิจกรรม BB Business Academy& On-site Visit  โดยการสนับสนุนจากพี่เลี้ยงบุญรอดฯ ซึ่งมีบริษัทพี่และน้อง Big Brother Season 9 ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 85 ท่าน

        ช่วงเช้าได้รับเกียรติจากบรรยายพิเศษจากคุณรติ พันธุ์ทวี Director of Associate Communication and Business Link บจก.สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และนายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ให้เกียรติบรรยายพิเศษ เรื่อง “Build Brand that Lasts,not just atrend : การสร้างแบรนด์ให้อยู่รอด ไม่ใช่อยู่ในกระแส” 

Branding คือกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นที่จดจำ เป็น Top of mind ของกลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง Product Branding มีการสื่อสารที่มีคุณสมบัติ มีประสบการณ์เฉพาะของสินค้าและบริการนั้นๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้ซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์  ...ทำไมองค์กรใหญ่ ๆ จึงให้ความสำคัญกับการสร้าง “แบรนด์” ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ และใช้เวลานาน กว่าที่ผู้คนจะจดจำได้ ก็เพราะ Corporate Branding เป็นเหมือนรากฐานที่มั่นคงด้วยแนวทางที่ครอบคลุม ในขณะที่ Product Branding เป็นเหมือนผลผลิตที่งอกงาม  ยิ่งรากฐานแข็งแกร่งเท่าไร ผลผลิตก็จะยิ่งเติบโตได้ดีเท่านั้น และผลผลิตที่ประสบความสำเร็จก็จะยิ่งช่วยเสริมสร้างรากฐานของธุรกิจท่านให้แข็งแกร่งในระยะยาว และนี่คือคำตอบว่า SMEs เล็ก ๆ อย่างเรา ๆ จำเป็นต้องสร้างแบรนด์ โดยหลักของกระบวนการสร้างแบรนด์ทั่วโลก มีเพียงไม่กี่ข้อ นั่นคือ รู้จัก ชอบ รัก ใช้ ภักดี

 The Brand Communication 
        “เหตุผลในการซื้อสินค้าของคุณคืออะไร” การตัดสินใจซื้อของคนคนหนึ่งเกิดขึ้นจาก 2 ส่วนคือ ซื้อเพราะความจำเป็นพื้นฐาน (need) หรือเป็น Functional benefit กับการซื้อเพราะอยากได้เฉพาะตัว (want) หรือ Emotional benefit...แล้วผู้ประกอบการอย่างเราจะทำอย่างไร ให้สินค้าของเราตอบโจทย์ทั้งสองเรื่องนี้ นั่นแสดงว่า มาตรฐานขั้นต่ำที่ผู้บริโภคคาดหวังจากสินค้าหรือบริการ จะต้องมีอะไรบ้างเป็นอย่างต่ำ ถึงจะไม่น้องหน้าคู่แข่ง …สู่คำตอบจุดยืนของแบรนด์ที่ต้องPerfect Match กับความต้องการของลูกค้า การมี Emotional benefit กลับกลายเป็นการสร้างยอดขายที่ดีกว่า แถมยังได้ราคาที่ดีกว่าตามมา 

Brand Positioning Statement
        สำหรับในยุคปัจจุบันที่มีสื่อการตลาดจำนวนมาก สิ่งสำคัญในการสร้างตัวตนของแบรนด์ เราจะเห็นว่า การที่ผู้บริโภคจดจำเราได้ต้องคำนึงถึง Branding Strategy จะทำให้เค้ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้บริการกับเรามากขึ้น แต่ต้องบอกว่า Brand Positioning Statement จะช่วยอธิบายความแตกต่างของแบรนด์ออกจากคู่แข่ง และช่วยกำหนดตำแหน่งทางการตลาดได้อย่างชัดเจน  มีประสิทธิภาพในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ซึ่งได้มีการให้บริษัทน้องทำWorkshop Brand Positioning Statement ของตนเองให้ชัดเจน ว่าสินค้าของเราคืออะไร ให้ประโยชน์กับใคร และอย่างไร 

การสร้างแบรนด์ให้อยู่รอด ไม่ใช่อยู่ในกระแส 
        เราจำเป็นต้องมีการวางกลยุทธ์แบรนด์โดยวิเคราะห์ Product Life Cycle ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์เข้าใจบันไดแต่ละขั้นของProductได้ดียิ่งขึ้น และรู้ว่าProduct ของคุณนั้นกำลังอยู่ในขั้นไหนในท้องตลาด นำไปสู่การช่วยให้คุณวางแผนในอนาคต ตอบโจทย์การสร้างแบรนด์ให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน 

Product Life Cycle จะแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 4 ช่วงเวลา คือ

  1. Introduction ช่วงแนะนำเปิดตัวสินค้า ขั้นแรกนี้คือ ยอดขายต่ำ การแข่งขันต่ำ กำไรต่ำ แต่การลงทุนเพื่อสร้างการรับรู้และความต้องการสินค้าจะสูง ดังนั้นแบรนด์ต้องทำการตลาดในด้านการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้อย่างหนัก ซึ่งควรเตรียมงบไว้เพื่อดันสินค้าให้ติดตลาด การสร้างการรับรู้ให้กับผลิตภัณฑ์นั้นสามารถทำได้หลากหลายช่องทางมาก ๆ ถ้ามีงบมากพอก็สามารถทำได้ทุกช่องทาง แต่อาจจะเน้นช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายใช้เป็นหลัก สิ่งสำคัญคือคุณภาพของสินค้าต้องดีก่อนที่จะส่งไปถึงมือผู้บริโภค ควรจะสำรวจตลาดและวางแผนธุรกิจให้ดี เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่แบรนด์จะทำออกมานั้นเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคจริง
  2. Growth ช่วงเติบโต ช่วงที่สินค้าของคุณเริ่มเป็นที่รู้จักแล้ว ทำให้เกิดกลุ่มลูกค้าที่ใช้ประจำและกลุ่มใหม่ที่เริ่มอยากทดลองใช้ตาม และเมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณกำลังเติบโต มียอดขายเข้ามาเรื่อย ๆ จุดนี้แบรนด์ต้องขยันเก็บ Feedbaack จากลูกค้าเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาด 
  3. Maturity ช่วงอิ่มตัวหรือเติบโตเต็มที่ ช่วงที่สินค้านั้นติดตลาดแล้ว ส่งผลให้เกิดกลุ่มลูกค้าประจำเพิ่มขึ้น แต่อาจจะไม่เร็วเท่าช่วงที่สอง (ช่วงเติบโต) เนื่องจากกลุ่มลูกค้าใหม่เกิดขึ้นน้อยลง แต่คู่แข่งใหม่นั้นจะยังคงเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีความต้องการน้อยลงในตลาด ต้องใช้กลยุทธ์ในการมองหาตลาดใหม่ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา หรือนำเอานวัตกรรมใหม่เข้ามาผสมก็ได้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้บริโภค และต้องไม่ลืมที่จะรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้ได้ด้วย เพราะขั้นที่3 ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดจะลดลงกว่าช่วงแรกและช่วงที่สอง ถือเป็นช่วงเก็บเกี่ยวและสร้างกำไรได้มากที่สุดใน 4 ขั้นของ Product Life Cycle
  4. Decline ช่วงถดถอย ช่วงที่ทุกแบรนด์ต้องเดินทางมาถึงจุดนี้ จะช้าหรือเร็วก็อยู่ที่วางแผนการตลาดแต่ละขั้นได้ดีมากแค่ไหน สิ่งที่จะเป็นตัววัดว่าสินค้าของแบรนด์เข้ามาอยู่ในขั้นนี้คือยอดขายที่ลดลงอย่างมากจากหลายปัจจัย ถือเป็นขั้นวัดความสามารถของเจ้าของแบรนด์ ว่าจะสามารถรักษาผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในตลาดไปได้นานแค่ไหน เพราะหากยังไม่ทำสินค้าใหม่ หรือปรับเปลี่ยน สุดท้ายผลิตภัณฑ์ก็จะหายไปจากตลาด

ดังนั้นการวิเคราะห์ Product Life Cycle (PLC) ที่ดี จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจถึงวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสม ที่อยากแนะนำคือ 

  1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของกลยุทธ์การตลาดให้ชัดเจน 
  2. เลือกกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม 
  3. วัดผลและประเมินผลกลยุทธ์การตลาด แบรนด์ควรวัดผลและประเมินผลกลยุทธ์การตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ที่เลือกใช้มีประสิทธิภาพหรือไม่ และสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้หรือไม่ จากบทสรุปของวันนี้จึงอยากให้เห็นความสำคัญของ Product Life Cycle จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์รู้ว่าสินค้าของคุณอยู่ในช่วงไหน และควรใช้กลยุทธ์แบบใดที่จะส่งเสริมให้สินค้านั้นอยู่ในตลาดได้ตราบนานเท่านาน ไม่ใช่อยู่ในกระแสเพียงเท่านั้น 

    ในช่วงบ่ายเป็นจัดกิจกรรม On-site Visit โดยพาบริษัทน้องและบริษัทพี่เลี้ยงได้เยี่ยมชม Singha Museum อาคารโรงต้มเบียร์ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา หากมองทะลุกระจกเข้าไปจะเห็นเงาของหม้อต้มทองแดง 4 หม้อที่หาพบได้ยากแล้วในโรงเบียร์ที่สร้างใหม่สมัยนี้ รวมถึงห้องหมักเบียร์โบราณที่ถูกบูรณะไว้อย่างสวยงาม กิจกรรมในวันนี้ถือนับได้ว่าเป็นประโยชน์และสร้างความประทับใจกับบริษัทน้องเป็นอย่างมาก และสามารถนำความรู้ที่ได้กลับไปทบทวนเพื่อหารือและรับการให้คำปรึกษาของบริษัทพี่เลี้ยงของตนต่อไป