ย่อ / ขยาย

BB9 Financial Class ครั้งที่ 1 โดย บสย.

วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 หอการค้าไทยร่วมกับ บสย. Business School (F.A. Center) จัดบรรยาย เรื่อง “เทคนิคการขอสินเชื่อธุรกิจ คิดจะกู้ต้องรู้เรื่องนี้ และงบการเงินแบบไหนกู้ไม่ผ่าน”สำหรับ Big Brother season 9 ณ อาคาร 24 ชั้น 18 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยได้รับเกียรติจากคุณสถาปนะ เลี้ยวประไพ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการSME Development Center ได้กล่าวเปิดกิจกรรมครั้งนี้

        กิจกรรมในวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมการบรรยายเชิงปฏิบัติการเน้นให้ความสำคัญกับการขอสินเชื่อธุรกิจ ผู้ประกอบการจะต้องรู้และคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง สอดแทรกเทคนิคการขอสินเชื่อ SMEs ประกอบด้วย

  1. ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน หากสินทรัพย์ที่เรานำไปค้ำประกันในการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ไม่มีภาระการผ่อนส่งแล้ว หรือเป็นสินทรัพย์ที่มีชื่อเรา ก็จะยิ่งทำให้ได้เปรียบในการขอสินเชื่อ และก่อนจะไปขอสินเชื่อ แนะนำให้เตรียมหลักทรัพย์ค้ำประกันไปให้พร้อม ถ้าหากไม่เตรียมไปให้พร้อมอย่างครบถ้วนก็มีโอกาสที่อาจถูกปฏิเสธสินเชื่อได้
  2. แยกบัญชีส่วนตัว บัญชีธุรกิจ เพิ่มความน่าเชื่อถือควรแยกบัญชีบริษัทกับบัญชีส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน และรายการเดินบัญชีต้องครบถ้วน โปร่งใส ตรวจสอบได้ แม้กิจการจะมีขนาดเล็กแต่ก็ควรจะแยกบัญชีออกจากกัน และใช้บัญชีบริษัทรับจ่ายในบัญชีนี้เท่านั้น ไม่ควรใช้ปนกัน ดังนั้น การที่เห็นรายได้เข้ามาและรายจ่ายออกไป จะเป็นสิ่งยืนยันว่าเราทำธุรกิจจริง มีลูกค้า และมีเงินหมุนเวียนในกิจการสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรทำรายการเดินบัญชีบริษัทอย่างละเอียด มีที่มาที่ไปของทุกรายการทางการเงิน มีการจัดเก็บหลักฐานเพื่อให้ตรวจสอบได้
  3. รักษาเครดิตทางการเงินของตัวเองให้เต็มร้อยเสมอ จัดการรายการที่ผ่อนอยู่ให้เหลือน้อยที่สุดก่อนยื่นขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ เครดิตบูโรจะแสดงประวัติสินเชื่อย้อนหลัง 3 ปี โดยข้อมูลที่จัดเก็บไว้ เช่น ตอนนี้เรามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ สถานะของบัญชี รายละเอียดการชำระหนี้ ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่ทางธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้ก็มักจะไปตรวจสอบประวัติของเราก่อน
  4. เตรียมข้อมูลธุรกิจของตัวเองให้พร้อมก่อนไปยื่นขอสินเชื่อ SME นอกจากข้อมูลทางการเงินที่ต้องเตรียมไปยื่นขอสินเชื่อ SMEs แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ข้อมูลธุรกิจ เช่น ลักษณะธุรกิจของเรา กลุ่มลูกค้า รายรับ-รายจ่าย งบการเงินของธุรกิจ แผนธุรกิจในอนาคต เป็นต้น นอกจากนี้ หากเรามีทำสัญญากับคู่ค้าก็ควรจะเก็บเอกสารสัญญาการค้าเหล่านั้นเป็นหลักฐานเผื่อไว้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ และยืนยันอีกครั้งว่าเราทำธุรกิจนี้จริง

มาทำความรู้จักกับเครดิตบูโรอย่างละเอียด
        หนึ่งในข้อมูลสำคัญที่สถาบันการเงินใช้วิเคราะห์เพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อ ก็คือ ประวัติการเงินของผู้ขอกู้ ซึ่งแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการเงินทั้งในนามบริษัท และกรรมการ ก็คือ “เครดิตบูโร” ซึ่งเวลาที่สถาบันการเงินตรวจสอบสถานะ ก็จะตรวจทั้ง ผู้ขอกู้ และผู้เกี่ยวข้อง โดยจะดู 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ ภาระหนี้สินที่มีอยู่ วินัยทางการเงิน ความสามารถในการก่อหนี้ และพฤติกรรมการเป็นหนี้ 

  • ภาระหนี้สินรวม ภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันทุกประเภทรวมกันทั้งหมด เทียบกับรายได้รวมของผู้กู้ เป็นอย่างไร
  • วินัยทางการเงิน ประวัติการผ่อนชำระหนี้เดิมและหนี้ปัจจุบันทุกชนิด ตรงตามเงื่อนไขของหนี้นั้น ๆ หรือไม่
  • ความสามารถก่อหนี้เพิ่ม ดูว่ายังสามารถก่อหนี้ที่ต้องการเพิ่มได้อีกหรือไม่
  • พฤติกรรมการเป็นหนี้ โดยจะดูพฤติกรรมการก่อหนี้ การชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ ความรับผิดชอบต่อหนี้แต่ละชนิดว่าเป็นอย่างไร

        เครดิตบูโร เป็นสิ่งแรกที่ต้องจัดการให้ดี เพื่อเตรียมพร้อมในการยื่นกู้ ดังนั้นการจัดการเครดิตบูโรก่อนยื่นกู้ เราควรมีการจัดการกับเครดิตบูโรให้ดี เป็นสิ่งแรกที่ผู้กู้ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดการปฏิเสธจากสถาบันการเงิน นอกจากนั้น การยื่นกู้บนความไม่พร้อมบ่อยเกินไป จะยิ่งกลายเป็นการสร้างประวัติเสียอีกด้วย  จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะดีที่สุด ซึ่งมีเทคนิคสรุปเป็นแนวทาง ดังนี้

  1. ตรวจตัวเอง ก่อนยื่นกู้
  2. ตรวจผู้เกี่ยวข้องครบทุกคน
  3. แก้ไขบุคคลที่เป็นจุดอ่อน
  4. แก้ไขประวัติการเงินที่เป็นจุดอ่อน
  5. เว้นระยะเวลาให้เหมาะสม

งบการเงินแบบไหนกู้ไม่ผ่าน
        งบการเงินจะมีข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายได้ รายจ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนผู้ถือหุ้น ซึ่งสามารถสะท้อนตัวตนของกิจการได้เป็นอย่างดี โดยงบกำไร-ขาดทุน จะบอกได้ทั้งความสามารถในการหารายได้ ความสามารถจัดการต้นทุน จัดการค่าใช้จ่าย รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ และความสามารถในการสร้างกำไร ส่วนงบฐานะการเงิน จะบอกความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ บริหารเงินทุน บริหารหนี้ รวมทั้งความสามารถในการบริหารผลตอบแทน

        สาเหตุสำคัญที่ทำให้งบการเงินมีปัญหา ก็คือ การบันทึกบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ไม่เป็นความจริง ไม่มีเอกสารประกอบรายการต่าง ๆ ที่มีการเบิกใช้เงิน ค่าใช้จ่ายบางอย่างถูกดึงไปใช้ส่วนตัวบ้าง จ่ายไปแล้วไม่มีบิลบ้าง เมื่อบันทึกบัญชีไม่ตรงกับเงินเข้าออก ก็ปิดงบไม่ได้ ดังนั้น เจ้าของกิจการควรรู้เรื่องเอกสารเหล่านี้ด้วยและตระหนักอยู่เสมอว่า เมื่อไหร่ที่นำเงินออกจากบริษัท ต้องเป็นรายการที่มีผู้รับเงิน และรายการนั้นต้องโยงให้เกี่ยวข้องกับกิจการ 

        จะเห็นได้ว่ากิจกรรมในวันนี้ ทำให้บริษัทน้องได้เห็นความสำคัญว่าต้องเข้าใจงบการเงินอย่างละเอียด แบบไหนกู้ไม่ผ่าน ซึ่งClass ถัดไปครั้งที่ 2 จะมาเรียนรู้การเขียนแผนธุรกิจ อันเปรียบเสมือนการปูแนวทางที่จะเป็นการสร้างภาพของธุรกิจโดยรวม เริ่มตั้งแต่ที่มา ข้อมูลพื้นฐาน แนวคิด วิธีดำเนินการ รวมไปจนถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของธุรกิจ อันเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้ธุรกิจของท่านให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน กิจกรรม Financial Class นี้สร้างความประทับใจให้กับบริษัทน้องBig Brother เป็นอย่างมาก