คณะทำงาน “Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน” ประกอบด้วย คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย พร้อมด้วยเพื่อน จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เพื่อประกาศจุดยืนของภาคเอกชนไทยในการร่วมผลักดันประเทศสู่ความโปร่งใส แข่งขันได้ และยั่งยืน โดยมี ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะทำงานฯ เป็นผู้นำแถลงข่าว
การขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน สานต่อแนวคิด Reinvent Thailand โดยเชิญความร่วมมือจากองค์กรสำคัญ ได้แก่ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย (ACT), แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC), สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ), มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) รวมถึงหน่วยงานรัฐด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริต อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมทั้งภาคีเครือข่าย อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย , สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย, สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์, และ หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย และพันธมิตรช่วยประชาสัมพันธ์ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย, สมาคมตลาดสดไทย, สมาคมภัตตาคารไทย, สมาคมโรงแรมไทย ขับเคลื่อนร่วมกัน
ภาคเอกชนได้ร่วมสะท้อนปัญหา การคอร์รัปชันในประเทศไทยที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งจากข้อมูลดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชัน (Thai CSI) ที่ชี้ให้เห็นถึง ความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ ความไม่โปร่งใสทางการเมืองที่ยังเป็นข้อกังวล และรูปแบบการทุจริตที่พบบ่อย เช่น การไม่เปิดเผยข้อมูล การเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และการใช้ตำแหน่งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพื่อตอบโจทย์ปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้ คณะทำงานฯ ได้กำหนด กรอบป้องกันการทุจริต 6 ประการ และแผนการดำเนินงานพร้อมดำเนินการทันที 6 เดือนแรก ได้แก่
1.การปลูกฝังจิตสำนึก
2.นโยบายต่อต้านการทุจริตในองค์กร
3.ระบบบริหารความเสี่ยง
4.การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ
5.เทคโนโลยีเพื่อความโปร่งใส
6.แนวทางการร้องเรียนและคุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูล
สุดท้ายนี้ คณะทำงานฯ ย้ำว่า “Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน” ไม่ใช่เพียงการรณรงค์ แต่เป็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเชิงโครงสร้าง โดยภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และหน่วยงานรัฐร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองที่โปร่งใส เป็นธรรม และเชื่อถือได้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทย และสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมในระยะยาว
ในลำดับต่อไป คณะทำงานฯ จะนำปัญหาการคอร์รัปชันที่ภาคเอกชนร่วมกันสะท้อนในวันนี้พร้อมด้วยแผนการดำเนินงาน (Action Plan) นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนการต่อต้านคอร์รัปชันต่อไป