วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 คณะผู้บริหารหอการค้าไทย นำโดย คุณชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตร พร้อมด้วย คุณคงศักดิ์ ธรานิศร ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน และคุณกมลสันต์ ศรีวิราช ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา ลงพื้นที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนการปลูกกาแฟโรบัสต้าอย่างครบวงจร โดย อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มอบหมาย คุณศันสนีย์ นิติธรรมยง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมไม้ยืนต้น สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร คุณวรวรรณ อังกสิทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ คุณศิริลักษณ์ กมล ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการผลิต สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ และเกษตรจังหวัดพะเยา เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่



โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ ให้สามารถผลิตกาแฟโรบัสต้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยมุ่งผลักดัน “กาแฟโรบัสต้าพะเยา” ให้เป็นสินค้าเกษตรคุณภาพสูงที่สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันจังหวัดพะเยามีพื้นที่ปลูกกาแฟรวมประมาณ 2,034 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นกาแฟอาราบิก้าประมาณ 1,826 ไร่ และกาแฟโรบัสต้าประมาณ 208 ไร่ ให้ผลผลิตรวมประมาณ 900 ตัน โดยพื้นที่ปลูกสำคัญ ได้แก่ บ้านปางปูเลาะ ผาแดง และป่าเมี่ยง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สูงราว 800-1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถือเป็นสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกกาแฟคุณภาพดี ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการผลิตกาแฟรวมเพียงไม่ถึง 20,000 ตันต่อปี ขณะที่มีความต้องการบริโภคสูงถึงกว่า 70,000 ตันต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการพัฒนาและขยายพื้นที่ปลูกกาแฟภายในประเทศเพื่อลดการนำเข้า



อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นท้าทายที่ต้องเร่งดำเนินการ เช่น ปริมาณพื้นที่ปลูกกาแฟโรบัสต้าของไทยที่มีแนวโน้มลดลง ผลผลิตเฉลี่ยยังไม่สูงเพียงพอ ขาดแคลนกล้าพันธุ์กาแฟคุณภาพที่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายพื้นที่ปลูกและการดูแลรักษาต้นกาแฟให้มีคุณภาพต่อเนื่อง นอกจากนี้ เกษตรกรบางส่วนยังขาดความรู้ด้านการจัดการสวน การแปรรูปหลังการเก็บเกี่ยว และการเชื่อมโยงตลาดที่ครบวงจร


ดังนั้น หอการค้าไทย โดยคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตร จึงได้เสนอแนวทางในการเสริมสร้างองค์ความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน (หอการค้าจังหวัดพะเยา) และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ (ม.พะเยา) ผ่านแนวคิด Trian the Trainer ในการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และการแปรรูปในพื้นที่ ตลอดจนร่วมมือเพื่อพัฒนาแหล่งเพาะพันธุ์กาแฟคุณภาพ ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) และระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างแบรนด์ “กาแฟปางปูเราะผ่าแดง จ.พะเยา” ให้โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทั้งยกระดับให้เป็นสินค้ากาแฟ GI ของจังหวัด เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โครงการนี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของหอการค้าไทยในการผลักดันพืชเศรษฐกิจทางเลือกที่มีศักยภาพในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยกาแฟเป็นหนึ่งในพืชที่สามารถสร้างรายได้และความยั่งยืนให้กับเกษตรกรได้อย่างแท้จริง หากได้รับการพัฒนาและสนับสนุนอย่างครบวงจรจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง


