หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วม “เวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3” ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เมื่อวันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 09:00-12:00 น.
โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “หลักนิติธรรม : วาระแห่งชาติเพื่อความสามารถในการแข่งขันของไทย” และ ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ร่วมบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “สถานการณ์หลักนิติธรรมในประเทศไทย : ความท้ายทายและโอกาสสำหรับความร่วมมือระดับชาติ”
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนาในหัวข้อ “ความพร้อมของกลไกเชิงสถาบันกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย” เวทีเสวนานี้มีเป้าประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความท้าทายเชิงปฏิบัติการและประเมินศักยภาพในการปฏิรูปโครงสร้างเชิงสถาบัน ของประเทศไทย อันจะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่มีเสถียรภาพและเอื้ออำนวยต่อการลงทุน
โดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ได้กล่าวถึง หลักนิติธรรม (Rule of Law) ของไทยกำลังที่เสื่อมถอย ซึ่งดัชนีหลักนิติธรรมของไทยอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2567 อยู่ในอันดับที่ 78 จาก 142 ประเทศทั่วโลก ซึ่งความอ่อนแอของกระบวนการด้านกฏหมาย บั่นทอนความเชื่อมั่น ลดขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายช่องว่างของปัญหาความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากความมั่นใจของ นักลงทุนลดลง การแข่งขันไม่เป็นธรรม กติกาไม่เท่าเทียม ทำให้ศักยภาพ ทางเศรษฐกิจไม่ถูกปลดล็อค และติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งจากผลการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ระบุชัดว่า คอร์รัปชันในไทยยังอยู่ในระดับรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย การจัดซื้อจัดจ้าง หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาคคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของไทยลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี ลดลงเหลือ 34 คะแนน ในปี 2567 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และต่ำกว่าหลายประเทศที่มีระดับรายได้ใกล้เคียงกัน โดยอยู่ในอันดับที่ 107 จาก 180 ประเทศทั่วโลก
หอการค้าไทยได้นำ หลักนิติธรรม (Rule of Law) 6 ประการ ได้แก่ (1)ความเสมอภาค (2)กฎหมายที่ชอบธรรม (3)ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (4)ความโปร่งใส (5)ความรับผิดชอบ และ (6)ความเชื่อมั่นจากสังคม ทั้งหมดนี้สัมพันธ์โดยตรงกับหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) โดยส่งเสริม หลักนิติธรรม (Rule of Law) ธรรมาภิบาล (Good Governance) และการต่อต้านคอร์รัปชันโดย หอการค้าไทย ได้ร่วมกับเครือข่าย 23 องค์กร ก่อตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ขึ้นเมื่อปี 2554 โดยมี คุณดุสิต นนทะนาคร อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทยเป็นผู้ริเริ่ม ปัจจุบันเครือข่าย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ขยายเป็น 54 องค์กร
นอกจากนี้ หอการค้าไทยส่งเสริมสมาชิกผู้ประกอบการ ดำเนินตามแนวทาง “จรรยาบรรณหอการค้าไทย” และมีโครงการประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่นหอการค้าไทย ทั้งนี้ เพื่อเชิดชูเกียรติองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดย่อม เป็นต้นแบบในการประกอบธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ นำหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance - CG) มาใช้บริหารธุรกิจ โดยเริ่มจัดประกวดมาตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 23 ปี
ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการร่วมกับภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.). จัดตั้งคณะทำงาน Zero Corruption โดยมี หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ร่วมกับ ACT, CAC และ ป.ป.ท. เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อต้านการทุจริตที่ปฏิบัติได้จริง โดยกรอบการทำงานของคณะทำงาน Zero Corruption กกร. ประกอบด้วย 8 ด้าน ได้แก่
(1) หลักธรรมาภิบาล
(2) การปลูกฝังจิตสำนึก
(3) นโยบายต่อต้านการทุจริต
(4) ระบบบริหารความเสี่ยง
(5) การมีส่วนร่วม
(6) เทคโนโลยี
(7) การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ
(8) การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ (Regulatory Guillotine)
เพื่อสร้าง Blueprint ที่จะทำให้ธุรกิจทุกขนาดดำเนินการได้อย่าง โปร่งใส ยุติธรรม และแข่งขันได้จริง