งานประชุมใหญ่หอการค้าภาค 5 ภาค ประจำปี 2568
ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี
♦ Highlight วันที่ 31 พฤษภาคม 2568
แนวทางการขับเคลื่อนหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย วาระปี 2568 - 2569
โดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

"Unlocking New Growth" นโยบายหลักของหอการค้าไทย (Thai Chamber of Commerce) ภายใต้การนำของ ดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันศักยภาพใหม่แห่งการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง แข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวทาง 4 ด้านสำคัญ ได้แก่
การบรรยายพิเศษ เรื่อง “นโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย”
โดย คุณสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

นโยบาย “Soft Power” กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแท้จริงแล้ว นี่คือแนวคิดที่ ท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เริ่มผลักดันมาตั้งแต่ปี 2564 โดยเชื่อว่า Soft Power จะเป็น “ทางออกใหม่ของเศรษฐกิจไทย” ที่ขับเคลื่อนประเทศได้ในระยะยาว
Soft Power คืออะไร?
แนวคิดนี้มีต้นกำเนิดจาก โจเซฟ นาย (Joseph Nye) นักวิชาการและอดีตนักการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งได้เสนอไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1980 ก่อนจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากหนังสือของเขาในปี 2004 โดยนิยามว่า “Soft Power คือความสามารถในการดึงดูดใจ (Attraction) เพื่อให้ผู้อื่นเลือกทำในสิ่งที่เราต้องการ โดยไม่ต้องใช้การบังคับหรือกำลัง” Soft Power จึงไม่ใช่แค่เรื่องภาพยนตร์ อาหาร หรือการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่คือ พลังที่ส่งผลต่อทัศนคติ ความรู้สึก และพฤติกรรมของคนทั้งในและต่างประเทศ
“จิ๊กซอว์” 3 ส่วนสำคัญของการขับเคลื่อน Soft Power ไทย
1. ต้นน้ำ: การพัฒนาคน
2. กลางน้ำ: สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง
3. ปลายน้ำ: เปิดตลาดโลก
ภาครัฐสนับสนุน – เอกชนต้องนำ
ที่ผ่านมา ภาครัฐใช้งบประมาณในนามของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” กระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน รวมกว่า 6,000 ล้านบาท แต่ยังขาดการบูรณาการ และการวางยุทธศาสตร์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ
ตัวอย่าง การจัดงานระดับโลก เช่น เทศกาลภาพยนตร์ฮ่องกง หรือเมืองคานส์ มีหลายหน่วยงานเข้าร่วม แต่ทำงานแยกกัน ขาดแผนยุทธศาสตร์ที่เป็นหนึ่งเดียว เพราะฉะนั้น ภาครัฐควรทำหน้าที่ “สนับสนุน” และเปิดทางให้ภาคเอกชน ซึ่งรู้ลึกและลงมือจริง เป็นผู้นำในการขับเคลื่อน Soft Power
เป้าหมายของ Soft Power ไทย
Soft Power ไม่ใช่แค่ “ภาพลักษณ์” แต่ต้องสามารถ สร้างรายได้ สร้างงาน และสร้างคุณค่าใหม่ ให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด และเพื่อให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนเข้ามาร่วมกำหนดทิศทางอย่างจริงจัง Soft Power ไทย จะไม่ใช่แค่เรื่องของการ “ดูดีในสายตาโลก” แต่คือ พลังเศรษฐกิจที่จับต้องได้ สร้างงานได้ และยกระดับประเทศได้จริง
การบรรยายพิเศษ เรื่อง “The World at Turning Points: โอกาสไทยในโลกหักมุม”
โดย ดร. สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

เมื่อโลกพลิกผัน คือโอกาสในการเปลี่ยนเกม “ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตหรือจุดเปลี่ยน คือโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลง”
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในยุคนี้ ไม่ใช่การแพ้หรือชนะในเกมเดิม แต่คือการไม่รู้ว่า โลกกำลังเปลี่ยนเกมไปแล้ว ถ้าเรายังเล่นหมากรุก ในขณะที่คนอื่นเล่น “ล้อม” เราก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่ถ้าเรา “เปลี่ยนเกม” ให้ถูกจังหวะ แม้ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง เราก็ยังแข่งขันต่อไปได้
4 คลื่นใหญ่ที่กำลังกระทบประเทศไทย
1. Demographic Twists: สังคมสูงวัยและความเหลื่อมล้ำ
เศรษฐกิจไทยเปรียบเหมือนนักกีฬาสูงวัยที่สมรรถภาพถดถอย หลังโควิด เศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2% กว่า ขณะที่จำนวนแรงงานลดลงต่อเนื่อง หาคนทำงานยากขึ้น ขณะที่ประเทศในอาเซียบางประเทศยังมีประชากรหนุ่มสาวจำนวนมาก World Bank ชี้ว่า GDP ต่อหัวของกรุงเทพฯ สูงกว่าหลายจังหวัดถึง 40 เท่า แสดงถึงความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง
2. Geopolitical Twists: โลกที่แบ่งเป็นสามขั้ว หลังจีนเข้า WTO (ปี 2001) จีนกลายเป็นโรงงานของโลก และแสดงศักยภาพในเวทีโอลิมปิก คาดว่าในปี 2050 เศรษฐกิจโลกจะถูกนำโดย 3 ประเทศ คือ 1) จีน 2) สหรัฐอเมริกา 3) อินเดีย ซึ่งล้วนอยู่ในเอเชีย ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ยอมเสียอำนาจ จึงเกิด “Trump 2.0” กับ Triple T’s
ไทยต้องวางตัวให้ได้ใน 3 มิติ
1. อยู่รอด: เตรียมรับพายุเศรษฐกิจ
2. อยู่เป็น: บริหารความเสี่ยง และยืดหยุ่นต่อเกมที่เปลี่ยน
3. อยู่ยืน: มองหาโอกาสในระเบียบโลกใหม่
3. Rise of ASEAN การผงาดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โลกจะหันมามองภูมิภาคที่มั่นคง สงบ และมีศักยภาพ โจทย์ของไทย คือ ดึงดูด “คนเก่ง” และ “ทุนคุณภาพ” เข้ามาให้ได้
4. Digital & AI Twists: เมื่อ AI เปลี่ยนโลก
มนุษย์ยุคใหม่ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
1. Smart Cyborg: คนเก่ง + ใช้ AI เก่ง
2. Smart User: คนไม่เก่ง แต่ใช้ AI ได้
3. Smart Human: คนเก่ง แต่ไม่ใช้ AI
4. Human: คนไม่เก่ง และไม่ใช้ AI
Skills for the Age of AI: ทำงานร่วมกับ AI ไม่ใช่ถูกแทนที่
AI คือ “การปฏิวัติทางปัญญา” ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี ต้องออกแบบงานให้สมดุลระหว่าง Automation กับ Augmentation
Human + AI:
แล้วไทยจะคว้าโอกาสในโลกหักมุมได้อย่างไร?
3R สำคัญ
1. Reimagine: คิดใหม่ว่าเราจะ “ยืนอยู่ตรงไหน” ในโลกใบนี้
2. Reallocate: จัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับโอกาสใหม่ ลดสิ่งที่ไม่จำเป็น
3. Reset Mindset: พร้อม “Unlearn” สิ่งเก่า เปิดใจต่อความหลากหลาย (Embrace Diversity) เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส (Challenger Mindset)
การบรรยาย เรื่อง "Digital & AI Technology"
โดย รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะกรรมการ Robotics and AI

ภาพรวมประเทศไทยถือเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอาเซียน โดยเป็นประเทศแรกที่ประเมินคลื่นความถี่ 5G และมีความพร้อมด้านระบบสื่อสารและเทคโนโลยีไม่แพ้ประเทศใดในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยด้านดิจิทัลในปี 2024 ยังอยู่ในอันดับที่ 37 ของโลก และขีดความสามารถโดยรวมอยู่ที่อันดับ 25 ในบริบทนี้ คณะกรรมการของหอการค้าไทยมีบทบาทสำคัญในการเร่งส่งเสริมให้สมาชิกกว่า 180,000 รายสามารถเข้าใจและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยในเวทีโลก
บทบาทของหอการค้าไทยด้านการขับเคลื่อนดิจิทัล
บทบาทของคณะกรรมการ Robotics and AI หอการค้าไทย
ตัวอย่างแนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจ
กระบวนการทำงาน ► ปรับใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation), แพลตฟอร์ม Cloud, และการวิเคราะห์ข้อมูล
การตลาดและการขาย ► ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า, เสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล, และใช้ Chatbot ในการให้บริการ
โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ► คาดการณ์ความต้องการสินค้า, วางแผนเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
การบริหารภายใน ► ระบบบัญชีอัจฉริยะ, การคัดเลือกพนักงานผ่าน AI
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ►วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อเพื่อแนะนำสินค้าที่เหมาะสม
การสร้างคอนเทนต์ ► เขียนโพสต์โฆษณา, คอนเทนต์โซเชียลมีเดีย ด้วย AI
การบรรยาย เรื่อง "Sustainability"
โดย คุณกฤษดา เรืองโชติวิทย์ กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้สายงาน Sustainability

ธุรกิจไทยจะเติบโตอย่างไร? ในวันที่โลกกำลังเปลี่ยน ในยุคที่โลกทั้งใบกำลังเผชิญกับ “วิกฤต 3 ด้าน” คือ
1. วิกฤตโลกร้อน (Climate Crisis)
2. การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ (Loss of Nature)
3. ความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Social Inequality)
สิ่งที่เราต้องถามตัวเองคือ... ธุรกิจไทยจะปรับตัวอย่างไร? เพื่อให้อยู่รอด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน "Sustainability" ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือหัวใจของการอยู่รอดในระยะยาว
คณะกรรมการสายงาน Sustainability หอการค้าไทย วาระ 2568–2569 ได้วางแนวทาง “ขับเคลื่อนความยั่งยืน” อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม
4 แกนกลยุทธ์หลักที่เราขับเคลื่อน
1. Practical Model
2. Knowledge Management
3. Mechanism Driven
4. Partnership Network
"ธุรกิจที่ไม่ยั่งยืน จะไม่สามารถแข่งขันได้ในโลกอนาคต" นี่คือความจริงที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะมาจาก
– นโยบาย CBAM ของยุโรป
– กฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน
– หรือความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่
สิ่งที่เราทำจึงไม่ใช่แค่ "เตรียมตัว" แต่คือ "ลงมือจริง"
♦ Highlight วันที่ 1 มิถุนายน 2568
การบรรยายพิเศษ เรื่อง “ทางออกประเทศไทยหลังสงครามการค้า”
โดย ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
"สงครามการค้าโลกยังไม่จบ และกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก"
สงครามการค้า (Trade War)
- สหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าทุกประเทศ รวมถึงพันธมิตร (เช่น แคนาดา เม็กซิโก)
- จีนตอบโต้ด้วยมาตรการเข้มข้น เช่น ภาษีสูงและควบคุมแร่หายาก (rare earth)
ผลกระทบต่อไทย: การค้าโลกชะลอตัว ส่งผลต่อการส่งออกของไทยโดยตรง ซึ่งพึ่งพาตลาดต่างประเทศสูง
โลกที่ไม่เหมือนเดิม
The Elephant Curve
ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
1. การท่องเที่ยว
2. ภาคการผลิตอุตสาหกรรม
3. M2/GDP ลดลง: สะท้อนเงื่อนไขการเงินตึงตัว (เงินหมุนในระบบลดลง)
4. ค่าเงินบาท
ใครต้องทำอะไร?
► ภาครัฐ
► ภาคเอกชน
เรียบเรียงและจัดทำโดย ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย