สรุปครบ จบทุก Session งานประชุมใหญ่หอการค้าภาค 5 ภาค

งานประชุมใหญ่หอการค้าภาค 5 ภาค ประจำปี 2568

ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี

 

♦ Highlight วันที่ 31 พฤษภาคม 2568

แนวทางการขับเคลื่อนหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย วาระปี 2568 - 2569
โดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

"Unlocking New Growth" นโยบายหลักของหอการค้าไทย (Thai Chamber of Commerce) ภายใต้การนำของ ดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันศักยภาพใหม่แห่งการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง แข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวทาง 4 ด้านสำคัญ ได้แก่

  • Build Business Confidence & Strengthen Trade & Investment in Global Supply Chains เสริมสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
  • Business Transformation สนับสนุนการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลในทุกภาคส่วนของธุรกิจ
  • Empowering SMEs & Strengthening Public-Private Partnership สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสมาชิกเครือข่ายหอการค้าไทย และ SMEs
  • Talent Development พัฒนาเครือข่าย Talent Ecosystem โดยความร่วมมือของสถาบันการศึกษา ภาครัฐ และเอกชน

การบรรยายพิเศษ เรื่อง “นโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย”
โดย คุณสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

นโยบาย “Soft Power” กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแท้จริงแล้ว นี่คือแนวคิดที่ ท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เริ่มผลักดันมาตั้งแต่ปี 2564 โดยเชื่อว่า Soft Power จะเป็น “ทางออกใหม่ของเศรษฐกิจไทย” ที่ขับเคลื่อนประเทศได้ในระยะยาว

Soft Power คืออะไร?

แนวคิดนี้มีต้นกำเนิดจาก โจเซฟ นาย (Joseph Nye) นักวิชาการและอดีตนักการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งได้เสนอไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1980 ก่อนจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากหนังสือของเขาในปี 2004 โดยนิยามว่า “Soft Power คือความสามารถในการดึงดูดใจ (Attraction) เพื่อให้ผู้อื่นเลือกทำในสิ่งที่เราต้องการ โดยไม่ต้องใช้การบังคับหรือกำลัง” Soft Power จึงไม่ใช่แค่เรื่องภาพยนตร์ อาหาร หรือการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่คือ พลังที่ส่งผลต่อทัศนคติ ความรู้สึก และพฤติกรรมของคนทั้งในและต่างประเทศ

“จิ๊กซอว์” 3 ส่วนสำคัญของการขับเคลื่อน Soft Power ไทย

1. ต้นน้ำ: การพัฒนาคน

  • เน้นอบรมทักษะและสร้างแรงงานสร้างสรรค์
  • ตัวอย่าง: โครงการ “1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย” โดยเชฟชุมพล
  • เป้าหมายคือพัฒนาคนในสาขาต่าง ๆ เช่น มวยไทย แฟชั่น เกม เมคอัพ ฯลฯ
  • ตั้งเป้าสร้างบุคลากรสาย Soft Power ให้ได้ 20 ล้านคน

2. กลางน้ำ: สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง

  • ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
  • ดึง Pain Points ของแต่ละอุตสาหกรรมมาแก้ไขอย่างเป็นระบบ
  • สนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ด้วยมาตรการ Cash Rebate
  • เปิดพื้นที่สร้างเทศกาลท้องถิ่น เช่น Fishing Festival ใน 12 จังหวัด โดยหอการค้าไทยร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด

3. ปลายน้ำ: เปิดตลาดโลก

  • ขยายโอกาสให้สินค้าไทย สื่อไทย และบริการไทยไปสู่ตลาดโลก
  • ศึกษาโมเดลอิตาลี ที่ใช้ อาหารท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อนวัฒนธรรม
  • ใช้ศูนย์กลางอย่าง “Soft Power ไทย” เป็นเครื่องมือสร้างความตื่นตัวทั้งในและต่างประเทศ

ภาครัฐสนับสนุน – เอกชนต้องนำ

ที่ผ่านมา ภาครัฐใช้งบประมาณในนามของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” กระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน รวมกว่า 6,000 ล้านบาท แต่ยังขาดการบูรณาการ และการวางยุทธศาสตร์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ
ตัวอย่าง การจัดงานระดับโลก เช่น เทศกาลภาพยนตร์ฮ่องกง หรือเมืองคานส์ มีหลายหน่วยงานเข้าร่วม แต่ทำงานแยกกัน ขาดแผนยุทธศาสตร์ที่เป็นหนึ่งเดียว เพราะฉะนั้น ภาครัฐควรทำหน้าที่ “สนับสนุน” และเปิดทางให้ภาคเอกชน ซึ่งรู้ลึกและลงมือจริง เป็นผู้นำในการขับเคลื่อน Soft Power

เป้าหมายของ Soft Power ไทย

Soft Power ไม่ใช่แค่ “ภาพลักษณ์” แต่ต้องสามารถ สร้างรายได้ สร้างงาน และสร้างคุณค่าใหม่ ให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด และเพื่อให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนเข้ามาร่วมกำหนดทิศทางอย่างจริงจัง Soft Power ไทย จะไม่ใช่แค่เรื่องของการ “ดูดีในสายตาโลก” แต่คือ พลังเศรษฐกิจที่จับต้องได้ สร้างงานได้ และยกระดับประเทศได้จริง


การบรรยายพิเศษ เรื่อง “The World at Turning Points: โอกาสไทยในโลกหักมุม”
โดย ดร. สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

เมื่อโลกพลิกผัน คือโอกาสในการเปลี่ยนเกม “ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตหรือจุดเปลี่ยน คือโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลง”

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในยุคนี้ ไม่ใช่การแพ้หรือชนะในเกมเดิม แต่คือการไม่รู้ว่า โลกกำลังเปลี่ยนเกมไปแล้ว ถ้าเรายังเล่นหมากรุก ในขณะที่คนอื่นเล่น “ล้อม” เราก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่ถ้าเรา “เปลี่ยนเกม” ให้ถูกจังหวะ แม้ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง เราก็ยังแข่งขันต่อไปได้

4 คลื่นใหญ่ที่กำลังกระทบประเทศไทย

1. Demographic Twists: สังคมสูงวัยและความเหลื่อมล้ำ
เศรษฐกิจไทยเปรียบเหมือนนักกีฬาสูงวัยที่สมรรถภาพถดถอย หลังโควิด เศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2% กว่า ขณะที่จำนวนแรงงานลดลงต่อเนื่อง หาคนทำงานยากขึ้น ขณะที่ประเทศในอาเซียบางประเทศยังมีประชากรหนุ่มสาวจำนวนมาก World Bank ชี้ว่า GDP ต่อหัวของกรุงเทพฯ สูงกว่าหลายจังหวัดถึง 40 เท่า แสดงถึงความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง

2. Geopolitical Twists: โลกที่แบ่งเป็นสามขั้ว หลังจีนเข้า WTO (ปี 2001) จีนกลายเป็นโรงงานของโลก และแสดงศักยภาพในเวทีโอลิมปิก คาดว่าในปี 2050 เศรษฐกิจโลกจะถูกนำโดย 3 ประเทศ คือ 1) จีน 2) สหรัฐอเมริกา 3) อินเดีย  ซึ่งล้วนอยู่ในเอเชีย ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ยอมเสียอำนาจ จึงเกิด “Trump 2.0” กับ Triple T’s

  • Tariffs: ภาษีนำเข้าทั่วไป 10% (เหล็ก, อะลูมิเนียม, ยานยนต์, ชิป) 
  • Transactional: การเมืองแบบดีล ไม่สนใจพันธมิตร
  • Triumph: เน้นชัยชนะแบบสุดโต่ง สงครามการค้ากำลังกลายเป็น “สงครามถาวร” และกำลังนำไปสู่โลกที่แตกออกเป็น 3 ซีก US vs China vs Non-US-China

ไทยต้องวางตัวให้ได้ใน 3 มิติ

    1. อยู่รอด: เตรียมรับพายุเศรษฐกิจ
    2. อยู่เป็น: บริหารความเสี่ยง และยืดหยุ่นต่อเกมที่เปลี่ยน
    3. อยู่ยืน: มองหาโอกาสในระเบียบโลกใหม่

3. Rise of ASEAN การผงาดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

โลกจะหันมามองภูมิภาคที่มั่นคง สงบ และมีศักยภาพ โจทย์ของไทย คือ ดึงดูด “คนเก่ง” และ “ทุนคุณภาพ” เข้ามาให้ได้

4. Digital & AI Twists: เมื่อ AI เปลี่ยนโลก

  • ปี 2024 เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยโตถึง 19%
  • Facebook ใช้เวลา 4 ปีกว่าจะได้ 100 ล้านยูสเซอร์ แต่ ChatGPT ใช้เวลาเพียง 2 เดือน AI ฉลาดขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น และเข้าถึงได้มากขึ้น เพราะใช้ “ภาษาของมนุษย์ การปรับตัวต่อ AI คือ “รอบสูบใหม่” ของมนุษย์

มนุษย์ยุคใหม่ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
    1. Smart Cyborg: คนเก่ง + ใช้ AI เก่ง
    2. Smart User: คนไม่เก่ง แต่ใช้ AI ได้
    3. Smart Human: คนเก่ง แต่ไม่ใช้ AI
    4. Human: คนไม่เก่ง และไม่ใช้ AI

Skills for the Age of AI: ทำงานร่วมกับ AI ไม่ใช่ถูกแทนที่

  • Proficiency: ใช้ AI เหมือนลูกน้องที่รู้ลึก ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น
  • Immunity: แยกแยะข้อมูลที่ปลอดภัยหรือบิดเบือน
  • Depth: ต้องมีความรู้ลึกเฉพาะด้าน เพื่อให้ AI ทำงานได้อย่างแม่นยำ
  • Empathy: ทักษะด้านอารมณ์และความเข้าใจมนุษย์ จะยิ่งสำคัญ

AI คือ “การปฏิวัติทางปัญญา” ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี ต้องออกแบบงานให้สมดุลระหว่าง Automation กับ Augmentation

Human + AI:

  • Human Writer
  • AI Editor
  • AI Companion

แล้วไทยจะคว้าโอกาสในโลกหักมุมได้อย่างไร?

3R สำคัญ

1. Reimagine: คิดใหม่ว่าเราจะ “ยืนอยู่ตรงไหน” ในโลกใบนี้
2. Reallocate: จัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับโอกาสใหม่ ลดสิ่งที่ไม่จำเป็น
3. Reset Mindset: พร้อม “Unlearn” สิ่งเก่า เปิดใจต่อความหลากหลาย (Embrace Diversity) เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส (Challenger Mindset)


การบรรยาย เรื่อง "Digital & AI Technology"
โดย รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะกรรมการ Robotics and AI

ภาพรวมประเทศไทยถือเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอาเซียน โดยเป็นประเทศแรกที่ประเมินคลื่นความถี่ 5G และมีความพร้อมด้านระบบสื่อสารและเทคโนโลยีไม่แพ้ประเทศใดในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยด้านดิจิทัลในปี 2024 ยังอยู่ในอันดับที่ 37 ของโลก และขีดความสามารถโดยรวมอยู่ที่อันดับ 25 ในบริบทนี้ คณะกรรมการของหอการค้าไทยมีบทบาทสำคัญในการเร่งส่งเสริมให้สมาชิกกว่า 180,000 รายสามารถเข้าใจและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยในเวทีโลก

บทบาทของหอการค้าไทยด้านการขับเคลื่อนดิจิทัล

  • ผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI
  • ส่งเสริมการใช้ระบบอัตโนมัติ, Cloud, Big Data, และแพลตฟอร์มออนไลน์
  • สนับสนุนการวางระบบ ERP, CRM, และ e-Commerce
  • พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ
  • ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจัดอบรม Upskill และ Reskill
  • สนับสนุนสมาชิกในการเรียนรู้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ
  • พัฒนาแพลตฟอร์มและนวัตกรรม
  • สร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อสตาร์ทอัพและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
  • ส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยี เช่น AR/VR, IoT, Blockchain
  • ส่งเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • ให้ความรู้เกี่ยวกับ PDPA, การปกป้องข้อมูล และมาตรการความปลอดภัย
  • ส่งเสริมความยั่งยืน ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

บทบาทของคณะกรรมการ Robotics and AI หอการค้าไทย

  • พัฒนาแรงงานด้านเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ
  • เสนอแนะนโยบายและอินเซนทีฟต่อภาครัฐ
  • ส่งเสริมการรับรู้และการเข้าถึงเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ในทุกภาคส่วน

ตัวอย่างแนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจ 

กระบวนการทำงาน ► ปรับใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation), แพลตฟอร์ม Cloud, และการวิเคราะห์ข้อมูล
การตลาดและการขาย ► ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า, เสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล, และใช้ Chatbot ในการให้บริการ
โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ► คาดการณ์ความต้องการสินค้า, วางแผนเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
การบริหารภายใน ► ระบบบัญชีอัจฉริยะ, การคัดเลือกพนักงานผ่าน AI
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ►วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อเพื่อแนะนำสินค้าที่เหมาะสม
การสร้างคอนเทนต์ ► เขียนโพสต์โฆษณา, คอนเทนต์โซเชียลมีเดีย ด้วย AI


การบรรยาย เรื่อง "Sustainability"
โดย คุณกฤษดา เรืองโชติวิทย์ กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้สายงาน Sustainability

ธุรกิจไทยจะเติบโตอย่างไร? ในวันที่โลกกำลังเปลี่ยน ในยุคที่โลกทั้งใบกำลังเผชิญกับ “วิกฤต 3 ด้าน” คือ

1. วิกฤตโลกร้อน (Climate Crisis)
2. การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ (Loss of Nature)
3. ความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Social Inequality)

สิ่งที่เราต้องถามตัวเองคือ... ธุรกิจไทยจะปรับตัวอย่างไร? เพื่อให้อยู่รอด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน "Sustainability" ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือหัวใจของการอยู่รอดในระยะยาว

คณะกรรมการสายงาน Sustainability หอการค้าไทย วาระ 2568–2569 ได้วางแนวทาง “ขับเคลื่อนความยั่งยืน” อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม

  • เป้าหมาย - สร้างพลังธุรกิจไทยที่เติบโตได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • สร้างภาพลักษณ์องค์กรที่แข็งแรง ทันสมัย และน่าเชื่อถือ
  • ดึงดูดนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG
  • ลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย การเงิน และสิ่งแวดล้อม
  • พร้อมรับมือกับมาตรการคาร์บอนภาษีและข้อกำหนดใหม่จากต่างประเทศ

4 แกนกลยุทธ์หลักที่เราขับเคลื่อน

1. Practical Model

  • สร้าง "ต้นแบบธุรกิจยั่งยืน" จากภาคปฏิบัติ
  • ถ่ายทอดบทเรียนจากโครงการจริงให้สมาชิกนำไปใช้ต่อได้

2. Knowledge Management

  • จัดเก็บข้อมูล Big Data ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้ในการวิเคราะห์
  • สื่อสารองค์ความรู้เรื่องกฎหมาย มาตรฐาน และแนวโน้มด้าน ESG
  • ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่าน CE Academy มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

3. Mechanism Driven

  • ใช้กลไกทางนโยบาย กฎหมาย และกิจกรรมสนับสนุน
  • ผลักดัน “ฉลากฮักโลก – Hug the Earth” สำหรับสินค้ารักษ์สิ่งแวดล้อม
  • ให้คำแนะนำเพื่อให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้จริง

4. Partnership Network

  • ผนึกกำลังกับภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา
  • พัฒนาโครงการร่วมแบบมีส่วนร่วม เพื่อขยายผลสู่ระดับสากล
  • เน้น 3 แนวคิดหลัก: ลดคาร์บอน (Decarbonization), เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy), และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Social Inclusion)

"ธุรกิจที่ไม่ยั่งยืน จะไม่สามารถแข่งขันได้ในโลกอนาคต" นี่คือความจริงที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะมาจาก

– นโยบาย CBAM ของยุโรป
– กฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน
– หรือความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่

สิ่งที่เราทำจึงไม่ใช่แค่ "เตรียมตัว" แต่คือ "ลงมือจริง"


♦ Highlight วันที่ 1 มิถุนายน 2568

การบรรยายพิเศษ เรื่อง “ทางออกประเทศไทยหลังสงครามการค้า”
โดย ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร

"สงครามการค้าโลกยังไม่จบ และกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก"

สงครามการค้า (Trade War)

  • เริ่มจากสหรัฐฯ ใช้นโยบายภาษีตอบโต้สินค้าจีน ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ (2018 เป็นต้นมา)
  • ปี 2025 เกิดการ "ยกระดับรุนแรง" ของสงครามการค้า:

           - สหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าทุกประเทศ รวมถึงพันธมิตร (เช่น แคนาดา เม็กซิโก)
           - จีนตอบโต้ด้วยมาตรการเข้มข้น เช่น ภาษีสูงและควบคุมแร่หายาก (rare earth)

  • นำไปสู่ความผันผวนและชะลอตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก (global supply chain)

ผลกระทบต่อไทย: การค้าโลกชะลอตัว ส่งผลต่อการส่งออกของไทยโดยตรง ซึ่งพึ่งพาตลาดต่างประเทศสูง

โลกที่ไม่เหมือนเดิม

  • โลกเข้าสู่ยุค “Globalization ชะลอตัว” หรือ "Peaked globalization"
  • ประเทศเริ่มกีดกันกันเอง และพึ่งพาตัวเองมากขึ้น (deglobalization)
  • โมเดลเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกและแรงงานราคาถูกอาจไม่ยั่งยืนในอนาคต ต้องปรับตัว

The Elephant Curve

  • กลุ่มคนรายได้กลาง-ล่าง ในประเทศพัฒนาแล้ว “ไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น" 
  • เกิดกระแสชาตินิยม-ปกป้องประเทศ เช่น Brexit, ทรัมป์
  • ประเทศเกิดใหม่ (รวมถึงไทย) ได้ประโยชน์จากการเป็นฐานการผลิตราคาถูก

ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน

1. การท่องเที่ยว

  • นักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในจีนและระหว่างประเทศ
  • รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนสูงต่อ GDP ไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยเปราะบาง

2. ภาคการผลิตอุตสาหกรรม

  • การส่งออกทรงตัว/ถดถอย ภาคการผลิตไม่ฟื้นตัวชัดเจน
  • อุตสาหกรรมรถยนต์ — เคยเป็นดาวรุ่ง แต่กำลังเผชิญการแข่งขันจากเทคโนโลยีใหม่ (EV) และตลาดโลกที่เปลี่ยนไป

3. M2/GDP ลดลง: สะท้อนเงื่อนไขการเงินตึงตัว (เงินหมุนในระบบลดลง)
4. ค่าเงินบาท

  • แข็งค่าผิดปกติ เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ
  • ส่งผลเสียต่อการส่งออกและรายได้จากนักท่องเที่ยว

ใครต้องทำอะไร?
ภาครัฐ

  • ประสานนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้จริง
  • ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟ ระบบขนส่ง ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต
  • ยกระดับการศึกษาและแรงงาน ให้มีทักษะสอดคล้องกับอนาคต (Soft skills, Digital skills)
  • ปรับกฎระเบียบให้ทันสมัย (Regulatory guillotine) เพื่อลดอุปสรรคการลงทุน
  • ต่อต้านคอร์รัปชัน และสร้าง Rule of Law เพื่อสร้างความมั่นใจในภาคธุรกิจ

ภาคเอกชน

  • เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ จากเน้นปริมาณ → เน้นคุณภาพ (เช่น อาหารคุณภาพสูง, บริการมูลค่าสูง)
  • ลงทุนในเทคโนโลยี และการเพิ่มประสิทธิภาพ (productivity)
  • บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • พัฒนาทักษะแรงงาน ให้พร้อมปรับตัว

    เรียบเรียงและจัดทำโดย ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย