ส่องความเชื่อมั่นเอกชนไทย 5 ภาค ผ่าน TCC CONFIDENCE INDEX ประจำเดือน เมษายน 2568

เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย TCC CONFIDENCE INDEX ประจำเดือน เมษายน 2568

โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 48.3 อีกทั้งความเชื่อมั่นในหลายรายการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยปัจจัยลบสำคัญที่มีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเดือนเม.ย.68 ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความกังวลต่อแนวทางนโยบายเศรษฐกิจและผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า รวมถึงผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่าย ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจที่อาจจะไม่เติบโต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ภัยแล้ง ที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำ ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ตลอดจนภาคครัวเรือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) อยู่ที่ระดับ 55.4 ปรับตัวลดลงทุกรายการ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 7 เดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค.67 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัจจัยสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนี้

  • กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี เนื่องจากสถานการณ์นโยบายการค้าสหรัฐ และการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก
  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยว
  • การส่งออกของไทยเดือน มี.ค. 68 ขยายตัวร้อยละ 17.84 มูลค่าอยู่ที่ 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.18 มีมูลค่าอยู่ที่ 28,575.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ไทยกลับมาเกินดุลการค้าอยู่ที่ 972.96 ล้านดอลลาร์
  • SET Index เดือน เม.ย. 68 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 45.63 จุด จาก 1,158.09 ณ สิ้นเดือน มี.ค. 68 เป็น 1,197.26 ณ สิ้นเดือน เม.ย. 68
  • ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 ในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 1.30 บาทต่อลิตรจากเดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 32.48 และ 32.85 บาทต่อลิตรและราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 0.50 บาทต่อลิตรจากเดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 31.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือน เม.ย. 68
  • เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลไม้ ทำให้อุปสงค์สินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในกลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง อาหารแปรรูป และผลไม้
  • ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวในระดับที่ดีเกือบทุกรายการสำคัญ ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา ยังมีราคาไม่ค่อยดี

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

  • มาตรการทางการเงินที่ช่วยเหลือสภาพคล่องของภาคธุรกิจ ช่วยดูแลมาตรฐานการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน และช่วยลดความเสี่ยงหนี้เสีย
  • การบริหารจัดการน้ำเพื่อจัดสรรให้เพียงพอและเหมาะสมกับภาคการเกษตร อุปโภค-บริโภค และรวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
  • มาตรการส่งเสริมช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
  • การส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนด้านธุรกิจ เช่น การพัฒนาผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
  • ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็งและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มในการผลิตสินค้า

​​​​​​​

รับฟังการถ่ายทอดสดย้อนหลัง https://www.facebook.com/utccnews/videos/1585964395394281/
ดาวน์โหลดเอกสาร https://cebf.utcc.ac.th/upload/index_file/file_th_667d15y2025.pdf 

 

ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เรียบเรียงและจัดทำโดย ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย