.jpg)
เพราะ “ธุรกิจสีเขียว” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาคการเกษตร แต่เกี่ยวพันไปในทุกภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นข้อกำหนดที่ทั่วโลกยกระดับความใส่ใจมากขึ้นเป็นลำดับ เราเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ ในขณะเดียวกัน เราก็เห็นธุรกิจจำนวนมากที่อยู่แบบไม่ยั่งยืน เพียงเพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้...คุณยุทธนา เจียมตระการ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม หอการค้าไทย ได้บรรยายไว้อย่างน่าฟังในงานมหกรรม SMEs หอการค้า 5 ภาค ที่จัดครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่จังหวัดกำแพงเพชร... SMEs ต้องทำธุรกิจอย่างไรจึงจะยั่งยืน และเศรษฐกิจหมุนเวียนจะช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างไร
การพูดถึงความยั่งยืนในต่างประเทศมีมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมนัก เช่น กรณีของโตเกียวโปรโตคอล (1998) หรือความตกลงปารีส (2014-2015) ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ มีดังนี้
1. รูปแบบธุรกิจแบบเดิมที่ไม่ยั่งยืน (Linear Economy)
• การใช้ทรัพยากร: ธุรกิจแบบดั้งเดิมใช้ทรัพยากรของคนรุ่นหลังมาใช้ในปัจจุบัน จากการสำรวจทั่วโลกพบว่า 63% ของธุรกิจทั้งหมดเป็นการดึงทรัพยากรธรรมชาติออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการขุดแร่ ทำฟาร์ม หรือการจับสัตว์น้ำ
• กระบวนการแปรรูป: การนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป พืชผลต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจำนวนมาก
• การบริการ: การเดินทางและการขนส่งในปัจจุบันที่ยังพึ่งพาพลังงานที่ไม่สะอาด เช่น น้ำมัน ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
2. ผลกระทบที่เกิดจากการทำธุรกิจแบบเดิม
• ปัญหาสิ่งแวดล้อม: เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ปัญหาน้ำเสีย เช่น การปนเปื้อนโลหะหนักในน้ำ การจัดการขยะที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาด้านกลิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง
• ปัญหาทางธุรกิจและเศรษฐกิจ เราพบว่า 90% ของ SME ล้มเหลวใน 5 ปีแรกของการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากขาดเทคโนโลยี บุคลากร เงินทุน หรือนวัตกรรม ธุรกิจแบบเดิมยังทำให้เกิดมลพิษ โดยภาคธุรกิจปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 70% ของปริมาณทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งเกิดจากการบริโภคพลังงานและภาคอุตสาหกรรม นอกจากนั้น ยังพบว่า บริษัทใหญ่ ๆ ที่ต้องการเงินลงทุนจากในประเทศหรือต่างประเทศ มีโอกาสสูงถึง 60% ที่จะไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้าน ESG ซึ่งเป็นมาตรฐานความยั่งยืน ดังนั้น จึงอยากเน้นย้ำว่า ESG ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำดี แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความมั่งคั่งของธุรกิจ
3. วิกฤตที่เกิดจากธุรกิจที่ไม่ยั่งยืน
• ภาวะวิกฤตภูมิอากาศ (Climate Urgency): คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและผันผวนผิดปกติ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมง นำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนอาหารในอนาคต
• ความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ: ทรัพยากรธรรมชาติบางอย่างเมื่อเสื่อมโทรมแล้วไม่สามารถฟื้นฟูได้ เช่น พื้นที่ป่าในประเทศไทยที่ควรมี 40% แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 31-32% ส่งผลต่อความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของป่า
• ความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่รุนแรงมากขึ้น: ความมั่งคั่งยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนจำนวนน้อย ในขณะที่คนส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยค่อนข้างต่ำ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือนและปัญหาสังคมตามมา
วิกฤตที่เกิดขึ้น แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เช่น ใต้ทะเล หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส แนวปะการัง 70-90% จะหายไป และหากสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส แนวปะการังถึง 99% จะหายไป ส่วนสิ่งมีชีวิตบนบก หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งเกินจุดที่แก้ไขได้ มนุษย์มีโอกาสล้มหายตายจากไปถึง 41% หมายความว่า ประชากร 8,000 ล้านคน อาจเหลือรอดเพียงครึ่งเดียว
1. จาก Linear Economy สู่ Circular Economy
• Linear Economy เป็นการดึงทรัพยากรมาใช้ ผลิต และทิ้งเป็นขยะเมื่อหมดความจำเป็น
• Recycling (การนำกลับมาใช้ใหม่) เป็นก้าวแรกในการนำวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ เช่น การนำกระดูกสัตว์มาทำอาหารสัตว์
• Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) เป็นแนวคิดที่ใช้ทรัพยากรทุกชนิดอย่างคุ้มค่าตลอดกระบวนการ ตั้งแต่วัตถุดิบ พลังงาน น้ำ ไฟฟ้า และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแทนการเปลี่ยนรถทั้งคัน
2. ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
• โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) โครงสร้างพื้นฐานเดิมถูกออกแบบมาสำหรับ Linear Economy จึงจำเป็นต้องมีการลงทุนและปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ระบบการแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
• เทคโนโลยี (Technology) จำเป็นต่อกระบวนการรีไซเคิลและการหมุนเวียนทรัพยากร ซึ่งไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเสมอไป เช่น เทคโนโลยีการดูดกลับ CO2 ในโรงงาน
• กรอบความคิดหรือความเชื่อ (Mindset/Belief) เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะที่ผ่านมาผู้คนไม่เคยต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนมาสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนต้องเริ่มจากการเปลี่ยนกรอบความคิดของเราเอง ที่ต้องการดูแลรักษาโลกและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งควรปลูกฝังตั้งแต่เด็กและเยาวชน
1. การนำวัตถุดิบรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ (Recycled Raw Material) เน้นการใช้วัสดุรีไซเคิล วัสดุชีวภาพ หรือพลังงานหมุนเวียน เพื่อทดแทนวัสดุที่มีสารพิษหรือใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น การนำขวด PET มาแปรรูปเป็นเส้นใยเพื่อทำกระเป๋าหรือเสื้อผ้า
2. ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบการบริการ (Product as a Service) เป็นการเสนอการเข้าถึงสินค้าโดยยังคงความเป็นเจ้าของไว้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียน แทนที่จะซื้อสินค้า ก็เปลี่ยนมาใช้บริการแทน เช่น การเช่ารถแทนการซื้อรถ ซึ่งช่วยให้เกิดการแบ่งปันและใช้ทรัพยากรคุ้มค่าที่สุด
3. การกู้คืนทรัพยากร (Resource Recovery) เป็นการนำวัสดุ ทรัพยากร และพลังงานกลับมาใช้ใหม่ เช่น มีการออกแบบเพื่อการหมุนเวียน โดยออกแบบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นให้สามารถถอดแยกชิ้นส่วน เพื่อนำไปรีไซเคิลได้อย่างเหมาะสมเมื่อหมดอายุการใช้งาน
4. การยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ (Product Lifespan Extension) เป็นการขยายวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบผ่านการขายต่อ การซ่อมแซม การผลิตซ้ำ หรือการอัปเกรด ยกตัวอย่างการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ทนทานมากขึ้น หรือส่งเสริมการนำกลับมาใช้ซ้ำ เช่น ถุงพลาสติกที่หนาขึ้นจากร้านสะดวกซื้อเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้านำกลับมาใช้ซ้ำ
5. แพลตฟอร์มการแบ่งปันหรือแพลตฟอร์มในรูปแบบการบริการ (Sharing Platform / Platform as a Service) เพื่อเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด โดยการแบ่งปันการใช้งานหรือการเข้าถึงเช่น Airbnb สำหรับที่พัก GRAB สำหรับการเดินทาง หรือโมเดลธุรกิจของ Michelin ที่ขายระยะทางที่วิ่งแทนการขายยางรถยนต์
เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นกระแสระดับโลกที่มีมูลค่ามหาศาล และหลายบริษัทเริ่มมีเป้าหมายในการนำเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ ซึ่งมีตัวอย่างมากมายในประเทศไทย เช่น
• ผลิตภัณฑ์รีไซเคิล: บริษัทที่ใช้เศษวัสดุรีไซเคิลมาทำพวงหรีด ทดแทนพวงหรีดดอกไม้สด
• คู่มือการท่องเที่ยวสีเขียว: จัดทำคู่มือสำหรับผู้ประกอบการสถานบริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์สถาบันเศรษฐกิจหมุนเวียน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
• Green Logistics: เป็นความร่วมมือระหว่าง Toyota และ CP ในการใช้รถบรรทุก EV เพื่อการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• Hotel Love the Earth: เป็นโครงการของสมาคมโรงแรม ที่ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรในโรงแรมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดของเสีย เช่น การจัดการอาหารแบบบุฟเฟต์ที่ควบคุมปริมาณอาหารได้ดีกว่าโต๊ะจีน หรือการสั่งข้าวในปริมาณที่น้อยลงเพื่อลดขยะอาหาร
ขนาดของตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 ตลาดมีมูลค่าสูงถึง 583.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,882.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2574 ทั้งนี้ การนำเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้คือ จะเป็นการช่วยลดต้นทุน และยังเป็นการพัฒนา Business Model ซึ่งจะสร้างความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย
สิ่งที่คุณยุทธนาเน้นย้ำในช่วงท้ายของการบรรยาย คือ “พวกเราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะแต่ละคนสร้างขยะเฉลี่ย 1 ตันต่อปี ดังนั้น พวกเราทุกคนก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของทางออกด้วยเช่นกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้น ”