.jpg)
"งานแสดงสินค้า" เปรียบเสมือนเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลกได้มาพบปะ แลกเปลี่ยน นำเสนอสินค้าและนวัตกรรม สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และขยายตลาดสู่ระดับสากล บทความนี้จะพาไปสำรวจความสำคัญของงานแสดงสินค้าในมิติต่าง ๆ ทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผลกระทบเชิงบวกต่อภาคส่วนต่าง ๆ และที่สำคัญคือ โอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับจากอุตสาหกรรมนี้
งานแสดงสินค้าไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลังในระดับโลก ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าทั่วโลกมีมูลค่าตลาดที่สูงมาก โดยข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า มูลค่าตลาดงานแสดงสินค้าทั่วโลกในปี 2024 มีความแตกต่างกันไปตามวิธีการประเมิน เช่น Business research insights ประเมินว่ามีมูลค่า 22.87 พันล้าน USD และคาดว่าจะเติบโตถึง 111 พันล้าน USD ภายในปี 2033 ส่วน Custom Market Insights ประเมินว่ามีมูลค่า 44.15 พันล้าน USD โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 66.75 พันล้าน USD ภายในปี 2033 ในขณะที่ Precision business insights ประเมินว่ามีมูลค่า 60.63 พันล้าน USD ในปี 2023 และคาดว่าจะถึง 84.92 พันล้าน USD ภายในปี 2030 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 5.0% แม้ว่าผลที่ได้จะมาจากวิธีการประเมินที่หลากหลาย แต่โดยรวมแล้วสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมนี้
งานแสดงสินค้าแต่ละงานสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ตั้งแต่การใช้จ่ายโดยตรงของผู้เข้าร่วมงานและผู้จัดแสดงสินค้า ไปจนถึงรายได้ทางอ้อมที่กระจายสู่ธุรกิจท้องถิ่น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง และการท่องเที่ยว ฯลฯ เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ทรงพลัง สามารถสร้างมูลค่าธุรกิจหลายพันล้าน ก่อให้เกิดนวัตกรรม และสร้างงานอีกมหาศาล รวมทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ และมักจะเป็นที่เปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการของตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในภูมิภาค ในขณะเดียวกัน การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศก็เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยเช่นกัน
การเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในไทย จะช่วยดึงดูดผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก ก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งค่าที่พัก อาหาร การเดินทาง การท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน จากข้อมูลของ TCEB พบว่า อุตสาหกรรมไมซ์สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ โดยในปี 2023 รายได้จากส่วนงานแสดงสินค้า (Exhibitions) มีสัดส่วนมากที่สุดถึง 66,790 ล้านบาท หรือ 63.6% ของรายได้อุตสาหกรรมไมซ์ทั้งหมด
นอกจากนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ เช่น อาหาร เกษตร ยานยนต์ ท่องเที่ยว และสุขภาพ จะช่วยแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยสู่สายตาชาวโลก ดึงดูดการลงทุน และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น งาน THAIFEX–ANUGA ASIA ซึ่งในปีนี้ คาดว่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจกว่า 9.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ในขณะที่ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถใช้เวทีดังกล่าวนำเสนอสินค้าและบริการสู่ตลาดโลก สร้างโอกาสในการส่งออก และหาคู่ค้าทางธุรกิจใหม่ ๆ นอกจากนั้น ยังมีโอกาสได้เห็นเทรนด์ล่าสุดของโลก นวัตกรรมใหม่ ๆ กลยุทธ์ของคู่แข่ง และความต้องการของผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำมาปรับปรุงและพัฒนาสินค้า บริการ และธุรกิจของตนเองให้สามารถแข่งขันได้
อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้ามีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งแนวโน้มที่น่าสนใจ ได้แก่:
THAIFEX ไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มธรรมดา แต่เป็น "เมกะอีเวนต์" (Mega Event) และเป็นเวทีการค้าระดับนานาชาติที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ขยายตลาดอาหารและเครื่องดื่มสู่เวทีนานาชาติ โดยปัจจุบันประเทศไทยครองอันดับ 12 ของโลกด้านการส่งออกอาหาร และมีแนวโน้มว่าการส่งออกอาหารในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 1,750,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 จากปีก่อน จึงถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาค และถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก (เป็นงานใหญ่อันดับ 4 ของโลกในอุตสาหกรรมนี้)
นอกจากจำนวนผู้แสดงสินค้า (Exhibitors) หลายพันรายจากทั่วโลก และผู้เข้าชมงาน (Visitors/Buyers) หลายหมื่นคน บนพื้นที่จัดงานมหาศาลของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีพาวิลเลียนจากนานาประเทศเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารและนวัตกรรมจากทั่วโลกอย่างแท้จริง สร้างมูลค่าการสั่งซื้อและการเจรจาธุรกิจจำนวนมหาศาลในแต่ละปี โดยคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2025 ที่ประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท เป็นเครื่องยืนยันถึงพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของงานนี้
THAIFEX ไม่ได้เป็นเพียงการนำสินค้ามาวางขาย แต่มีการจัดโซนและกิจกรรมที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง โดยสินค้าที่นำมาจัดแสดงภายในงาน แบ่งออกเป็น 9 โซนสินค้า ประกอบด้วย สินค้าอาหารทุกประเภท อาหารทะเล อาหารแช่แข็ง ข้าว ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องมือ/เครื่องใช้/อุปกรณ์
นอกจากนั้น ยังมีโซนกิจกรรมพิเศษและกิจกรรมสนับสนุน ที่จะเน้นการแสดงนวัตกรรมผ่านการจัดแสดงเฉพาะทาง อาทิ THAIFEX – ANUGA tasteInnovation Show, THAIFEX – ANUGA Startup, THAIFEX – ANUGA Trend Zone ที่ร่วมมือกับ Innova Market Insights, Future Food Experience+, การแข่งขัน Alternative Protein Taste & Flavour Challenge และโซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ฮาลาลและออร์แกนิก โดยทั้งหมดนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย ทั้งในด้านเทคโนโลยี AI, โภชนาการจากพืช และอาหารเพื่อสุขภาพที่สนับสนุนการนอนหลับ การทำงานของสมอง และคุณภาพชีวิตโดยรวม
งานแสดงสินค้าเป็นมากกว่ากิจกรรมทางธุรกิจ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างนวัตกรรม ส่งเสริมการจ้างงาน และเชื่อมโยมโลกเข้าด้วยกัน สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมนี้ถือเป็น "โอกาสทอง" ทั้งในมิติของการเป็นเจ้าภาพจัดงาน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินและการลงทุนเข้าประเทศ และในมิติของการนำผู้ประกอบการไทยไปเปิดตลาดในเวทีโลก
ในขณะที่งาน THAIFEX–ANUGA ASIA เอง ก็ไม่เพียงแต่เป็นงานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่จะเป็นระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่สำคัญของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยจุดแข็งในหลาย ๆ ด้าน ทำให้งานนี้ยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่อยู่ในวงการอาหารทั่วโลก และเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป การปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยเติบโต เป็นกำลังที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โทร.1169 หรือ www.ditp.go.th และลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ https://registration.thaifex-anuga.com/el/9An5Wm เจรจาธุรกิจวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00-18.00 น. เจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีกสำหรับประชาชนทั่วไป ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี