ใกล้แล้ว!! กับงานมหกรรม SMEs หอการค้า 5 ภาค ครั้งแรก ที่จังหวัดกำแพงเพชร ภายใต้ Theme "Unlocking SMEs for Sustainable Future" แต่ก่อนที่จะถึงวันงาน เราพามาดูที่มาที่ไป รวมทั้งจะเกิดอะไรขึ้นในงานบ้าง
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs (Small and Medium Enterprises) เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมานาน เพราะกว่า 99% ของธุรกิจในประเทศไทยคือ SMEs มีการจ้างแรงงานเกือบ 70% จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย แต่หลังจากการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจ SMEs ไทยต้องเผชิญกับคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและรวดเร็ว ทั้งทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และกฎระเบียบใหม่ ๆ ที่เข้ามาเร่งให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
แม้ว่าเราจะผ่านวิกฤตโควิดมาหลายปี และเดิมทีปีนี้ก็คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราเจอทั้งสงครามจริงและสงครามการค้าที่ถาโถมสั่นสะเทือนเศรษฐกิจไปทั่วโลก โดยเฉพาะภาษีตอบโต้จากสหรัฐ ที่ทำให้ผู้ส่งออกต่าง “กุมขมับ” และแม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นก็ตาม SMEs ไทยก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง เช่น
• ต้นทุนดำเนินธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากราคาวัตถุดิบ ค่าแรง และพลังงาน
• การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จากทั้งธุรกิจในประเทศ และแบรนด์ต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดออนไลน์
• พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการหันไปซื้อของผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น
• ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับ SMEs รายย่อยหรือธุรกิจที่ไม่สามารถแสดงรายได้ชัดเจน
• ข้อจำกัดด้านทักษะและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยยังขาดความรู้ในการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
หันกลับมามองตัว SMEs เอง ต้องถือว่ายังติดข้อจำกัดอยู่หลายเรื่อง อาทิ
1. เงินทุนและกระแสเงินสด SMEs ส่วนใหญ่ยังพึ่งพาเงินทุนหมุนเวียนจากรายได้ประจำวัน นอกจากนั้น ยังขาดหลักประกันหรือเอกสารรายรับที่ชัดเจน ทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก รวมทั้งการขาดการวางแผนทางการเงิน ส่งผลให้บริหารต้นทุนผิดพลาด
2. ขาดการใช้เทคโนโลยี ธุรกิจจำนวนมากยังใช้ระบบดั้งเดิม เช่น จดบัญชีมือ ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ต้นทุน-กำไรได้อย่างแม่นยำ รวมถึงยังไม่สามารถเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ
3. การบริหารจัดการและบุคลากร SMEs มักขาดระบบการจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เช่น ไม่แบ่งแยกบทบาทงาน ไม่จัดทำระบบควบคุมคุณภาพ รวมทั้งการขาดแรงงานที่มีทักษะใหม่ ๆ โดยเฉพาะทักษะด้านดิจิทัลและการตลาดออนไลน์
4. การเข้าถึงตลาด SMEs ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ เพราะไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ และขาดการวางกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน เช่น การสร้างแบรนด์ หรือการใช้โซเชียลมีเดียให้มีประสิทธิภาพ
แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ SMEs ไทยก็ยังมีโอกาสที่จะเติบโต หากสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม โดยมีแนวทางที่ควรพิจารณา ดังนี้
1. ปรับธุรกิจเข้าสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) โดยอาจเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อน เช่น ใช้ระบบบัญชีออนไลน์ โปรแกรมจัดการสต๊อก หรือระบบรับชำระเงินดิจิทัล นอกจากนั้น ควรมีการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ เช่น เปิดเพจ Facebook, LINE OA หรือขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้ง ใช้เครื่องมือฟรีหรือราคาถูกในการออกแบบ ทำคอนเทนต์ หรือวิเคราะห์ข้อมูล
2. วางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ เช่น จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ เพื่อให้เห็นภาพธุรกิจชัดเจนขึ้น รวมทั้งศึกษาเงื่อนไขสินเชื่อจากธนาคารรัฐ หรือโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากรัฐบาล
3. เพิ่มทักษะและองค์ความรู้ใหม่ ๆ เช่น การเข้าร่วมอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับการตลาด การเงิน และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการติดตามข่าวสารและเทรนด์ธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ
4. สร้างความแตกต่างและแบรนด์ที่ชัดเจน อาทิ การคิดค้นสินค้า/บริการที่มีความโดดเด่น ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สื่อสารแบรนด์อย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียลมีเดีย และใช้สตอรี่เล่าเรื่องธุรกิจให้เข้าถึงใจลูกค้า ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพสินค้า การบริการ และความน่าเชื่อถือ เป็นต้น
5. เชื่อมโยงเครือข่ายและใช้ประโยชน์จากภาครัฐ โดยการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนของรัฐ เช่น โครงการฝึกอบรม โครงการออกบูธแสดงสินค้า หรือการจับคู่ธุรกิจ รวมทั้ง การสมัครเป็นสมาชิกองค์กรต่าง ๆ เช่น หอการค้า สมาคมผู้ประกอบการ เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
เป้าประสงค์ของการจัดงานมหกรรม SMEs หอการค้า 5 ภาค คือการเสริมสร้างศักยภาพและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาคอย่างครบวงจร โดยส่งเสริมความรู้ทางการเงิน และความรู้ในด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจให้แข็งแกร่ง สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ซึ่งภายในงาน จะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่
1. โซนให้องค์ความรู้ ประกอบด้วย
2. โชน SME Clinic ที่จะให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการ SMEs โดยหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะไขปัญหาในการขอสินเชื่อ การให้คำปรึกษาเรื่องเครดิตบูโร การบริหารจัดการ บัญชีและภาษี รวมทั้งการเจรจาจับคู่ธุรกิจ Business Matching กับห้าง Modern Trade ชั้นนำของประเทศ นอกจากนั้น ยังมีบูธของหน่วยงานพันธมิตร โดยเฉพาะสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่จะนำเสนอสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ และสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกเครือข่ายหอการค้าไทย และผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาค
การจัดงานมหกรรม SMEs หอการค้า 5 ภาค จะจัดขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ที่ห้องราชพฤกษ์ ชั้น 3 หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏกําแพงเพชร (สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่นี่ คลิก ) ส่วนการจัดงานในครั้งต่อไป
- ภาคใต้ ในเดือนสิงหาคม จัดที่ จ.พังงา
- ภาคกลาง ในเดือนกันยายน จัดที่ จ.นครปฐม
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเดือนตุลาคม จัดที่ จ.ขอนแก่น
- ภาคตะวันออก ในเดือนมกราคม 2569 จัดที่ จ.ระยอง
ใครใกล้ที่ไหน ไปร่วมงานกันได้ รับรองว่ามีสิ่งดี ๆ รออยู่แน่นอน
SMEs ไทยในปีนี้ ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน หากผู้ประกอบการพร้อมเปิดใจ ปรับวิธีคิด และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การยกระดับธุรกิจให้ทันยุคดิจิทัล ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง แต่อยู่ที่ความกล้าและการวางแผนอย่างมีเป้าหมาย อย่ารอให้ตลาดเปลี่ยนแล้วค่อยปรับตัว เพราะวันนี้…การแข่งขันเกิดขึ้นทุกวินาที ผู้ที่ปรับตัวก่อน คือผู้ที่อยู่รอด และเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต