ย่อ / ขยาย

การประชุมภาคีเอกชนเพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนร่วมพัฒนา ครั้งที่ 1

ดาวน์โหลดเอกสาร: สรุปผลกิจกรรม และเอกสารประกอบในงาน



วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ คณะกรรมการพัฒนาการศึกษา หอการค้าไทย นำโดย คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาการศึกษา ได้จัดการประชุมภาคีเอกชนเพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนร่วมพัฒนา ครั้งที่ 1 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมจากองค์กรที่ดำเนินโครงการด้านการศึกษา ตลอดจนระดมข้อเสนอเชิงนโยบายจากภาคเอกชนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเชิงระบบ

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการนำเสนอผลลัพธ์ของโครงการที่ดำเนินงานโดยภาคเอกชนหลากหลายองค์กร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในมิติต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาทักษะผู้เรียนในเชิงผู้ประกอบการ การเชื่อมโยงโรงเรียนกับชุมชนอย่างยั่งยืน การส่งเสริมทักษะภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี การปรับรูปแบบการสอนของครูให้เป็น Active Learning รวมถึงการส่งเสริมสุขภาวะและทักษะชีวิตทั้งในตัวนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลเชิงปริมาณ เช่น คะแนน RT และภาษาอังกฤษที่สูงขึ้น การศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น อัตราการฝึกงานของนักเรียน และจำนวนผู้เข้าสอบมาตรฐานวิชาชีพที่เพิ่มขึ้น

ช่วงสำคัญของงานอยู่ที่กิจกรรม Workshop ซึ่งแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมออกเป็นกลุ่มย่อยเพื่อร่วมกันระดมข้อเสนอเชิงนโยบายที่ต้องการให้ภาครัฐและภาคีเครือข่ายภาคเอกชนร่วมสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยข้อเสนอจากภาคเอกชนที่สะท้อนร่วมกันในหลากหลายมิติ อาทิ ความจำเป็นในการถ่ายทอดนโยบายจากระดับส่วนกลางสู่ระดับปฏิบัติอย่างชัดเจน พร้อมทั้งควบคู่ไปกับการติดตามผล และสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อเสนอในการปรับปรุงกลไกการทำงานข้ามกระทรวงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวง อว. และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานอย่าง กสทช. และการไฟฟ้า เพื่อให้การขับเคลื่อนการศึกษาในระดับพื้นที่เป็นไปอย่างบูรณาการ

อีกทั้งยังมีข้อเสนอที่เน้นการพัฒนาเส้นทางอาชีพของบุคลากรทางการศึกษาให้มีความชัดเจนและจูงใจมากยิ่งขึ้น การทบทวนหลักสูตรการเรียนการสอนโดยให้ครูทำหน้าที่เป็นโค้ชหรือผู้เอื้อกระบวนการเรียนรู้ และการสนับสนุนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะในการดูแลเด็กที่มีความต้องการพิเศษ พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องกับนโยบาย และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการ PSP ให้สามารถขยายผลได้อย่างยั่งยืน โดยเห็นพ้องร่วมกันว่าหน่วยงานอย่างสำนักนวัตกรรมและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรทำงานประสานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของข้อเสนอจากภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ต่างก็เห็นตรงกันถึงความสำคัญของการสร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการจัดการความรู้ (KM) และการแบ่งปันภายในเครือข่าย ทั้งในรูปแบบของกิจกรรม ความร่วมมือด้าน CSR การจัดตั้ง learning academy รวมถึงการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกทักษะอาชีพผ่านระบบฝึกงาน ฝึกอาชีพ และระบบ apprentice jobs ทั้งยังเสนอให้มีฐานข้อมูลกลางที่สามารถเชื่อมโยงความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

การประชุมในครั้งนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญของภาคเอกชนในการยกระดับบทบาทของตนจากผู้สนับสนุน มาเป็น "พลังขับเคลื่อนหลัก" ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ระบบการศึกษาไทย ทั้งในมิติปฏิบัติการและนโยบาย เพื่อมุ่งสู่ระบบการศึกษาที่ยั่งยืนและเท่าทันอนาคต

 

ข่าวอื่นๆ