วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 – คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรอาหาร (AFC) ได้รับมอบหมายจาก ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ลงพื้นที่ร่วมแก้ไขปัญหาราคาปลากะพงขาวราคาตกต่ำ ณ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมี คุณญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน คุณวนิชย์ โสวนะปรีชา กรรมการหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา และ คุณอัตถสิทธิ์ เจียมฉวี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประสานรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ บ.ซีพีแอ็กซ์ต้า ร่วมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมตั้งเป้ารับซื้อปลากะพงจากเกษตรกร 7 แสนกิโลกรัมในปี 2568
สถานการณ์ปลากะพงขาวในประเทศ โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ระบุว่า ปริมาณผลผลิตปลากะพงขาวจากการเพาะเลี้ยงในประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 58,208.8 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 6,556.8 ล้านบาท ซึ่งมีแหล่งผลิตหลัก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ และสงขลา ปัจจุบันมีฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP และ มกษ.7436 รวม 990 แห่ง คิดเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงร้อยละ 12.8 ของประเทศ
ในส่วนด้านราคาและต้นทุนการผลิต ซึ่งราคาปลากะพงขาวที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 126 บาทต่อกิโลกรัม (ขนาดต่ำกว่า 700 กรัม/ตัว) เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมร้อยละ 1.6 แต่ยังคงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 4.5 เนื่องจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการชะลอตัวของการส่งออก และการนำเข้าปลากะพงจากมาเลเซียที่ยังคงส่งผลกระทบแม้จะมีมาตรการควบคุมจากภาครัฐ ขณะที่ต้นทุนหลัก อาทิ ค่าอาหารและพลังงาน ยังคงอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ศูนย์ AFC กรมการค้าภายใน และ ซีพีแอ็กซ์ตร้า ดำเนินมาตรการเร่งด่วนผ่านกิจกรรม “คาราวานรับซื้อปลากะพง” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง พร้อมรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคปลากะพงขาวคุณภาพ มาตรฐานปลอดภัย ส่งตรงจากฟาร์มสู่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพง ในระยะยาวควรให้ภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต เช่น การส่งเสริมการใช้ พลังงานทดแทน (ระบบ Solar Cell) และ มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง รวมถึงการส่งเสริม จุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อจัดการคุณภาพน้ำ เพื่อลดการใช้สารเคมีและลดความเสี่ยงจากโรคในระบบการเพาะเลี้ยง
ดังนั้น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการแสดงพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบอาหารของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เลี้ยงปลากะพงขาวอย่างยั่งยืน
