เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (ศูนย์ AFC) เข้าร่วมกิจกรรม "พบปะผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้" โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ซึ่งมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลที่ผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาดจำนวนมาก เช่น มะม่วง มังคุด เงาะ และทุเรียน


ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ กระทรวงพาณิชย์ ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม และภาคเอกชน เพื่อเร่งดำเนินมาตรการรับซื้อผลไม้จากแหล่งผลิต พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายภายในประเทศผ่าน 4 แนวทาง ได้แก่ การรับซื้อเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภค รับซื้อเพื่อกิจกรรม CSR รับซื้อเพื่อบริโภคในองค์กร และการรับซื้อโดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมราชทัณฑ์ เพื่อประกอบอาหารให้แก่ผู้ต้องขัง โดยมีภาคเอกชน 9 กลุ่ม 27 ราย เข้าร่วมรับซื้อผลไม้รวมทั้งสิ้น 103,760 ตัน แบ่งเป็น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้า-ส่งออกผลไม้ไทย และเอกชนรายใหญ่ รับซื้อรวมกว่า 55,500 ตัน ห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ รับซื้อกว่า 34,450 ตัน และกลุ่มองค์กรอื่น ๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน ตู้เต่าบิน ไปรษณีย์ไทย หน่วยงานรัฐ และมูลนิธิต่าง ๆ รับซื้อรวม 13,810 ตัน

ในด้านการส่งออกผลไม้ ปี 2568 ประเทศไทยตั้งเป้าหมายส่งออกผลไม้ปริมาณ 4.13 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 308,000 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างประเทศจีน มีการผลักดันมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลไม้ไทย เช่น การตรวจรับรองมาตรฐาน GAP การจัดตั้งศูนย์ "Set Zero" เพื่อควบคุมคุณภาพผลผลิต และการจัดตั้ง War Room เพื่อบริหารจัดการส่งออกอย่างเร่งด่วน พร้อมจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ได้ประกาศลดระดับการสุ่มตรวจสาร BY2 สำหรับทุเรียนไทยที่มีระบบการจัดการดี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นผลจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทุกภาคส่วน


สำหรับกลยุทธ์การเจาะตลาดต่างประเทศในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มตลาดศักยภาพ 7 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร กลุ่มตลาดส่งเสริมภาพลักษณ์ 2 ภูมิภาค ได้แก่ ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ผลไม้ไทย และกลุ่มตลาดที่สะดวกต่อการขนส่ง ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) ซึ่งสามารถขยายการส่งออกผ่านระบบโลจิสติกส์ที่มีต้นทุนต่ำ พร้อมกันนี้ ยังมีแผนดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในต่างประเทศ ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (Trade Fairs) และกิจกรรมส่งเสริมการค้า (Trade Promotion) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดผลไม้ไทยให้กว้างไกลยิ่งขึ้น
คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล กล่าวเพิ่มเติมว่า "ผลไม้ไทยถือเป็นสินค้าที่มีศักยภาพระดับโลก ศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร หรือ ศูนย์ AFC พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกกลางที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณค่าให้เกษตรกรไทยมีรายได้มั่นคง อีกทั้ง เตรียมแผนความร่วมมือกับ Modern Trade และกรมการค้าภายในเตรียมกิจกรรมหมุนเวียนเพื่อโปรโมทผลไม้ตลอดปี 2568 เพื่อรองรับสินค้าเกษตรล้นตลาด-ราคาตกต่ำ"