Designing your CEO life รุ่นที่ 3 ครั้งที่ 2 แว่นท็อปเจริญ

Designing your CEO life รุ่นที่ 3 ครั้งที่ 2 แว่นท็อปเจริญ ในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 

Do you Know your Strength? ทำความรู้จักตัวเองกับ "Leader’s Strength Finding"

        การทำความเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำ โครงการนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ท่านสำรวจและค้นพบตัวตนที่แท้จริง ค้นหาสิ่งที่เป็นธรรมชาติในตัวท่าน และพัฒนาจาก "พรสวรรค์" ให้กลายเป็น "จุดแข็ง" ที่โดดเด่น

        การสำรวจและค้นพบตัวตนเชิงลึก ท่านจะได้รับโอกาสในการค้นหาประเภทบุคลิกภาพของตนเองผ่านแบบทดสอบบุคลิกภาพ 16 Personalities ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยการตอบคำถามอย่างจริงใจจะช่วยให้ท่านเข้าใจว่าประเภทบุคลิกภาพของท่านส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการทำงานอย่างไร ทั้งยังเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่ท่านปรารถนา

บุคลิกภาพแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • นักวิเคราะห์ (Analyst)
  • นักการทูต (Diplomat)
  • ผู้เฝ้ายาม (Sentinel)
  • นักสำรวจ (Explorer)

        กิจกรรมกลุ่มและการแบ่งปันประสบการณ์ ท่านจะได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มกับผู้ประกอบการท่านอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและค้นหาคุณสมบัติร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ท่านเข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่นมากขึ้น

แนวคิดหลัก: "Strength Quest"
        พรสวรรค์ (Talent) คือความสามารถที่มีมาแต่กำเนิด ไม่ว่าจะเป็นวิธีการคิด ความรู้สึก หรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
จุดแข็ง (Strength) คือผลลัพธ์ของการนำพรสวรรค์มาบวกกับความรู้และทักษะ การฝึกฝนพัฒนาองค์ความรู้และทักษะใหม่อย่างต่อเนื่องจะทำให้พรสวรรค์ของท่านกลายเป็นจุดแข็งที่นำไปสู่ความเป็นเลิศ แม้การเรียนรู้จุดอ่อนจะช่วยป้องกันความผิดพลาด แต่การมุ่งเน้นพัฒนาจุดแข็งต่างหากที่จะนำพาให้เราเติบโตไปสู่การเป็นผู้นำที่มีคุณภาพได้อย่างแท้จริง "การค้นพบตัวตนที่แท้จริงคือหนทางสู่การปลดล็อกศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด"

        หลังจากการทำความรู้จักตัวเองแล้วนั้น ได้จัดกลุ่มให้เหล่า CEO ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อทำงานร่วมกัน โดยให้ตัวแทนกลุ่มปิดตาและทำภารกิจต่างๆที่คนปิดตาไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจของเพื่อนร่วมทีม การตัดสินใจร่วมกันของทีม ซึ่งเสริมสร้างความเชื่อใจและเป็นหนึ่งเดียวเพื่อทำเป้าหมายได้สำเร็จ ได้รับผลตอบรับจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างมาก

        ในช่วงเย็นได้รับเกียรติจากคุณนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ CEO บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้มาพูดคุยและแชร์ประสบการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันของแว่นท็อปเจริญได้ผ่านช่วงเวลาต่างๆมากมายเริ่มต้นจากเด็กที่ต้องทิ้งฝันสู่เจ้าของร้านแว่นที่ครองใจคนไทย
แว่นท็อปเจริญอยู่คู่คนไทยมานานกว่า 77 ปี ด้วยจำนวนสาขาที่มากที่สุดในไทยและอาเซียน ทำให้เราเห็นร้านนี้ได้แทบทุกที่ แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง เขาคือ นพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ผู้ที่ต้องทิ้งความฝันอยากเป็นหมอเพื่อมาสานต่อกิจการร้านแว่นของครอบครัวที่ต้องหยุดชะงักลงหลังการจากไปอย่างกะทันหันของคุณพ่อคุณแม่

แต่แทนที่จะเดินตามรอยเดิม เขากลับกล้าที่จะ "คิดนอกกรอบ" และปฏิวัติวงการร้านแว่นตาในยุคนั้นอย่างสิ้นเชิง

        การปฏิวัติวงการแว่นตา ย้อนไปเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ร้านแว่นตาในไทยยังคงเป็นธุรกิจแบบดั้งเดิมที่เจ้าของต้องดูแลร้านเอง แต่คุณนพศักดิ์เห็นช่องว่างนี้และตัดสินใจสร้างระบบขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายสาขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่เขาทำนั้นสวนทางกับความคิดของคนในวงการอย่างมาก จนหลายคนหัวเราะเยาะเมื่อเขาประกาศจะเปิดให้ได้ถึง 100 สาขา แต่วันนี้เขาสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขาทำได้จริงและก้าวมาไกลกว่าที่ใครจะคาดคิด

โดยมี 3 หลักสำคัญที่ทำให้แว่นท็อปเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง คือ

  • สร้างทีมงานมืออาชีพ เขาตั้งศูนย์ฝึกอบรมเพื่อสร้างบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในทุกด้าน ทั้งการวัดสายตา การเจียระไนเลนส์ การบริการลูกค้า
  • พลิกโฉมร้านค้า จากร้านแว่นที่ขายของหลากหลายและขาดการตกแต่ง เขาได้จ้างสถาปนิกมาออกแบบร้านให้สวยงาม ทันสมัย ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า
  • ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ: แทนที่จะลงทุนซื้อตึกราคาระดับสิบล้านบาทเพื่อเปิดสาขา คุณนพศักดิ์เปลี่ยนมาใช้วิธีเช่าอาคารเพื่อลดต้นทุนและสามารถขยายสาขาได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งในยุคนั้นแทบไม่มีใครทำกัน

กลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่าง ความสำเร็จของแว่นท็อปเจริญไม่ได้มาจากแค่การขยายสาขา แต่มาจากการสร้างความแตกต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง คือ

  • เน้นทำเลทอง เลือกทำเลในจุดศูนย์กลางที่คนพลุกพล่าน ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพาสื่อโฆษณาในยุคแรกๆ
  • ใส่ใจการบริการ ให้พนักงานแต่งกายในชุดยูนิฟอร์มเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพ มีบริการพิเศษ เช่น ให้คูปองอาหารสำหรับลูกค้าที่รอรับแว่น และให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย
  • จัดโปรโมชันสุดปัง กลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่นตั้งแต่ยุคแรกๆ ด้วยการแจกของแถมที่สร้างปรากฏการณ์ เช่น เครื่องล้างแว่นและนาฬิกา
  • สร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ลงทุนเปลี่ยนชื่อจาก "เจริญการแว่น" เป็น "แว่นท็อปเจริญ" พร้อมจดลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

        ผู้นำที่ใส่ใจบุคลากรและสังคม คุณนพศักดิ์ไม่ใช่แค่เจ้าของธุรกิจที่เก่งเรื่องการตลาด แต่ยังเป็นผู้นำที่ใส่ใจพนักงานอย่างแท้จริง เขามองว่าพนักงานคือหัวใจขององค์กร เพราะธุรกิจจะไม่สามารถเติบโตได้หากขาดคนทำงานที่มีคุณภาพและทัศนคติที่ดีต่อบริษัท

  • ลงทุนเพื่อคน: ลงทุนอย่างจริงจังในเรื่องการฝึกอบรมพนักงาน โดยถึงขนาดขอใบอนุญาตตั้งเป็นโรงเรียนวิชาการแว่นตาไทย เพื่อให้พนักงานทุกคนมีมาตรฐานเดียวกัน
  • สร้างโอกาสการเติบโต: มีเส้นทางอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจนให้พนักงานได้ไต่เต้าจากพนักงานฝึกหัดไปจนถึงผู้จัดการสาขา ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและอยากทำงานกับองค์กรไปนานๆ
  • ดูแลพนักงานในทุกวิกฤต: ไม่เคยลดเงินเดือนพนักงานในภาวะวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง สึนามิ หรือแม้แต่โควิด-19 เขายืนยันที่จะไม่ทอดทิ้งเพื่อนร่วมงาน

    ปัจจุบันแว่นท็อปเจริญก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชน (มหาชน) พร้อมขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ซึ่งคุณนพศักดิ์ยังคงสนุกกับการทำงาน และไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาธุรกิจของตัวเองให้ดีขึ้น

        จากความจำเป็นที่ต้องทำธุรกิจเพื่อดูแลครอบครัวในวันวาน มาถึงวันนี้คุณนพศักดิ์ทำงานเพื่อดูแลพนักงานหลายพันชีวิตและดูแลสายตาของผู้คนนับล้านให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวงการแว่นตาอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับการทำโครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ เช่น โครงการแว่นตาผู้สูงวัย และโครงการแว่นตาเพื่อน้องสำหรับเด็กยากไร้ ทำให้แว่นท็อปเจริญไม่ได้เป็นแค่ร้านแว่นตา แต่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่เติบโตไปพร้อมๆ กับคนไทยทุกคน

ข่าวอื่นๆ