เมื่อวันพระใหญ่สะท้อนพฤติกรรมเศรษฐกิจไทย

"เมื่อวันพระใหญ่สะท้อนพฤติกรรมเศรษฐกิจไทย"

ในยุคที่ศรัทธาไม่ได้หายไปแต่พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนแปลง วันวิสาขบูชาในวันนี้จึงไม่ควรเป็นเพียงวันหยุดหรือวันแห่งพิธีกรรมเท่านั้น หากแต่ควรเป็น “พื้นที่กลาง” ที่เชื่อมโยงความศรัทธาเข้ากับวิถีชีวิตร่วมสมัย และหากศาสนาอยากคงอยู่ในใจคนรุ่นใหม่ก็ต้องพร้อมปรับเปลี่ยน “วิธีสื่อสาร” และ “รูปแบบกิจกรรม” ให้ร่วมมือกันระหว่างผู้นำจิตวิญญาณ สถาบันการศึกษา และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความเข้าใจร่วมกันระหว่างศรัทธา เศรษฐกิจ และสังคม

วันวิสาขบูชาไม่ใช่แค่วันสำคัญทางศาสนา แต่ยังเป็น “ดัชนีวัดพฤติกรรมเศรษฐกิจครัวเรือนไทย” ที่กำลังเปลี่ยนผ่านอย่างมีนัยสำคัญ

ผลสำรวจ “Chamber Business Poll” โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ในปี 2568 คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงวันวิสาขบูชาสูงถึง 3,971 ล้านบาท เติบโต 4.16% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าแม้เศรษฐกิจภาพรวมจะยังมีแรงกดดัน แต่การจับจ่ายเพื่อกิจกรรมที่ผสมผสานศาสนาและพักผ่อนยังคงเป็นพฤติกรรมหลักของผู้บริโภค

"ศรัทธายังอยู่ แต่ความต้องการเปลี่ยนไป"
จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คนทั่วประเทศ พบว่า ปีนี้มีเพียง 36.4% ที่ตั้งใจไปทำบุญไหว้พระในวันวิสาขบูชา ในขณะที่ 32.9% หันไปทำกิจกรรมอื่น เช่น พักผ่อน ท่องเที่ยว หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และอีก 30.8% ไม่ได้มีกิจกรรมเฉพาะในวันดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตามวันวิสาขบูชายังเป็นช่วงเวลาที่มีเม็ดเงินสะพัดถึง 3,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 4.16% โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,765 บาทต่อคน สูงสุดในหมวด “การท่องเที่ยว” ซึ่งเฉลี่ยที่ 8,534 บาทต่อคน 

"เหตุผลเบื้องหลังการใช้จ่าย ไม่ใช่เพียงศรัทธา"
ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายในช่วงวันสำคัญนี้มากที่สุด ได้แก่ รายได้และฐานะทางการเงิน (35.1%) สภาพเศรษฐกิจโดยรวม (34.2%) ความเชื่อและศรัทธาทางศาสนา (16.1%) นี่คือเครื่องสะท้อนว่าแม้ศรัทธายังมีอยู่แต่พฤติกรรมผู้บริโภคกลับถูกขับเคลื่อนด้วยความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความจำเป็นในชีวิตประจำวันเป็นหลัก

"คนรุ่นใหม่กับศาสนา: อยากเข้าใจ แต่ขอมีส่วนร่วมในรูปแบบที่แตกต่างออกไป"
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ “การมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่” ซึ่งแม้คนรุ่นใหม่ยังให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชา แต่ก็อยากให้วัดหรือศาสนสถานปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย เช่น การสื่อสารหลักธรรมให้ง่ายและทันสมัยขึ้น การจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับความสนใจของคนรุ่นใหม่ การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนมีส่วนร่วม และใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ ในทางตรงกันข้าม เหตุผลหลักที่ทำให้คนรุ่นใหม่ลดความสนใจในกิจกรรมทางศาสนาคือ การมีกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ ที่น่าสนใจกว่า ภาระงานและเวลาที่จำกัด ตลอดไปจนถึงการขาดความเข้าใจในคุณค่าของวันทางศาสนา

"วิสาขบูชาคือโอกาสทางเศรษฐกิจ"
ไม่เพียงแต่ภาคสังคมเท่านั้นที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลง วันวิสาขบูชายังส่งผลต่อผู้ประกอบการทั่วประเทศเช่นกัน โดย 38.5% ของผู้ประกอบการมองว่าบรรยากาศปีนี้คึกคักกว่าปีก่อน รายได้ในช่วงเทศกาลเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วนโดยเฉพาะธุรกิจบริการและค้าขาย ขณะที่กลุ่มเกษตรกรรมยังมองว่าไม่คึกคักเท่าไรนัก

 

หากภาครัฐ ศาสนา และภาคเอกชน สามารถเชื่อมโยงคุณค่าทางจิตวิญญาณเข้ากับ “มิติทางเศรษฐกิจ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันสำคัญทางศาสนาอย่างวิสาขบูชาอาจกลายเป็นต้นแบบของการใช้ “Soft Power เชิงศรัทธา” ในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้อย่างน่าสนใจ ขณะที่การออกแบบกิจกรรม การใช้พื้นที่วัดเชิงสร้างสรรค์ และการสร้างกลยุทธ์การตลาดเชิงวัฒนธรรม อาจกลายเป็นโอกาสใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นและปลุกพลังศรัทธาในโลกยุคใหม่ไปพร้อมกัน

 

รับฟังการถ่ายทอดสดย้อนหลัง https://www.facebook.com/utccnews/videos/1191899585459083?locale=th_TH
ดาวน์โหลดเอกสาร https://cebf.utcc.ac.th/upload/poll_file/file_th_198d08y2025.pdf

 

 

ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย
บทความโดย : ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย

ข่าวอื่นๆ