ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นห่วงสถานการณ์ทุจริต กระทบความเชื่อมั่นและการลงทุนของไทย

ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นห่วงสถานการณ์ทุจริต
กระทบความเชื่อมั่นและการลงทุนของไทย ในเวทีการเสวนา เรื่อง
: บทบาทในการดำเนินคดีทุจริต ภายใต้แนวนโยบายของรัฐบาล ในมิติของปัจจุบันและอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน

เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568 ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเสวนา เรื่อง “บทบาทในการดำเนินคดีทุจริต ภายใต้แนวนโยบายของรัฐบาลในมิติของปัจจุบันและอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ” ภายใต้แนวคิด “พลังศรัทธา พลังล่าทุจริต”  จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ โดยกล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริหารประเทศ กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุน ซึ่งสะท้อนจากคะแนน CPI ปี 2567 ที่ลดลงเหลือ 34 คะแนน รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตผ่าน 3 นโยบายหลัก ได้แก่ 1) ยึดหลักนิติธรรมและความโปร่งใส 2) ปฏิรูประบบราชการด้วยเทคโนโลยี 3) ยกระดับบริการภาครัฐให้ตอบโจทย์ประชาชนและภาคธุรกิจ โดยมีผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน นักวิชาการ และสื่อมวลชน จำนวน 170 คน ณ ห้องจูปิเตอร์ 4–6 อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

 

ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยฯ กล่าวในการเสวนาเชิงวิชาการฯ ในประเด็นสถานการณ์การทุจริตของประเทศไทยในปัจจุบัน ว่า “หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดำเนินยนโยบาย โดยให้ความสำคัญในเรื่องการค้าและการลงทุนมาตลอดระยะเวลา 93 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกหอการค้าไทยกว่า 180,000 ราย ซึ่ง ขณะนี้ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่ถดถอยลง สบโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสีเทาเข้ามาก่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ด้วยจากเสียงของเหล่านักลงทุนที่ตั้งคำถามกับความโปร่งใสในการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐนี้ จึงเห็นควรให้ทุกหน่วยงานทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เร่งปฏิรูปและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น”  

นอกจากนี้ ประธานหอการค้าไทยฯ กล่าวถึง ดัชนีการทุจริต (CPI) ในปี 2567 ของไทย        ติดอันดับ 107 ของโลก และติดอันดับ 5 ของอาเซียน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นกังวลของเศรษฐกิจไทย ในสายตาของนักลงทุน ยกตัวอย่าง ปัญหาการสวมสิทธิ์นำเข้าและส่งออกสินค้าที่สร้างความเสียหายให้ประเทศไทยทางการค้าและการลงทุนเป็นอย่างมาก ดังนั้น ประเทศไทยต้องเร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายและข้อบังคับให้มีความชัดเจน และมีประสิทธิภาพ เพื่อขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันภายในประเทศให้หมดไป พร้อมทั้งเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่สามารถสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยหอการค้าไทยและองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับกรมบัญชีกลาง ได้มีการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อสร้างโปร่งใสในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน โดยมีหลักการสำคัญ คือ การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง ผ่าน 2 โครงการ คือ  โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) และ โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency Initiative : CoST) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ

ข่าวอื่นๆ